SHARE

คัดลอกแล้ว

รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยตรวจจับควันดำแม้เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่เป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยลดมลพิษทางอากาศ พบสถิติตรวจจับรถควันดำในกรุงเทพฯ วันละ 500 คัน

ตำรวจจราจรตั้งด่านสกัดตรวจรถบรรทุกควันเกินค่ามาตรฐานร้อยละ 45 เป็น 1 ในมาตรการที่ช่วยลดมลพิษทางอากาศ เพราะการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง เป็นตัวการที่สร้างฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จากการสำรวจการตรวจจับรถบรรทุกควันดำที่ด่านตรวจพระราม 2 ขาเข้าวานนี้ พบว่าช่วงเวลาตั้งด่าน 5 ชั่วโมง จะมีรถบรรทุกควันดำเกินค่ามาตรฐาน เฉลี่ย 40 คัน รถยนต์ที่ตำรวจเรียกตรวจควันดำที่เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศส่วนใหญ่เป็นพบควันดำเกินค่ามาตรฐานกว่าเท่าตัว  เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจปรับและสั่งห้ามใช้ชั่วคราว เพื่อให้คนขับหรือผู้ประกอบการแก้ไขปัญหาควันดำภายใน 30  วัน หากฝ่าฝืนก็จะมีคำสั่งห้ามใช้รถเด็ดขาด สำหรับรถกระบะ หรือรถขนส่งขนาดเล็ก จะถูกปรับ 1000 บาท แต่หากเป็นรถบรรทุก ขนาด 6 ล้อขึ้นไปจะถูกปรับสูงสุด 5,000 บาท

สำหรับการตั้งด่านตรวจวัดควันดำถนนพระราม 2  ขาเข้าตั้งแต่เวลา 09.30 น. ถึง 14.00 น. สามารถตรวจจับรถบรรทุกขนาดใหญ่มีควันดำ 42 คัน และรถกระบะ อีก 3 คัน รวมทั้งหมด 45  คัน ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีด่านตรวจวัดควันดำทั้งหมด 17  จุด กระจายทั่วพื้นที่ในทุกวัน

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า แม้งานจับปรับจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ก็เป็นมาตรการสำคัญในการช่วยลดมลพิษทางอากาศจากควันดำ เพราะเมื่อถูกจับปรับ ถูกระงับใช้รถ เกือบทุกคันก็จะแก้ไขสภาพ

สถิติการจับปรับยานพาหนะควันดำเกินค่ามาตรฐาน กองบังคับการตำรวจจราจรปี 2562 พบรถควันดำถูกปรับกว่า 1.3 หมื่นคัน แบ่งเป็นรถบรรทุกเล็ก 90,000 คัน และรถบรรทุกขนาดใหญ่ 6 ล้นขึ้นไป 40,000 คัน ส่วนในปีนี้ปัจจุบันการจับปรับเฉลี่ย  400-500 คัน ต่อวัน

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา มีการเปิดโครงการศูนย์ติดตามตรวจวัดรถยนต์ควันดำเพื่อประชาชน อันเนื่องมาจากปัญหาฝุ่นละอองพิษ PM 2.5 เกินกว่ามาตรฐานกระจายหลายพื้นที่รอบตัวเมืองใหญ่

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า เพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กซึ่งปัจจุบันมีปริมาณเกินกว่าค่ามาตรฐานเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน ตำรวจนครบาลจึงจัดตั้งศูนย์ติดตามการตรวจวัดควันดำโดยบริการตรวจฟรี เพื่อให้ผู้ใช้รถได้ทราบว่า รถยนต์ของตนเองมีค่าควันดำเกินค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ หากมีค่าเกินกว่ามาตรฐานจะได้นำรถยนต์ไปแก้ไขปรับปรุง โดยทางศูนย์จะให้บริการตรวจวัดควันดำให้แก่ประชาชนตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 มกราคมนี้ ระหว่างเวลา 09:00 น. 15:00 น.ยกเว้นวันอาทิตย์ 3 จุดได้แก่
จุดที่ 1 อาคารประสารราชกิจ ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โทร. 02-537 8015-6
จุดที่ 2 สถานีตำรวจคู่ขนานลอยฟ้า แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ โทร. 02-8883249
จุดที่ 3 เต็นท์ให้บริการบริเวณทางคู่ขนานถนนเทพรัตน์ กม. 2 ขาเข้า ระหว่างซอยบางนา 14-16 ก่อนถึงไบเทคบางนา โทร 097-3564146

สำหรับมาตรการการบังคับใช้กฎหมาย  ตำรวจนครบาลจะตั้งจุดตรวจวัดมลภาวะครอบคลุมทั้งกรุงเทพมหานครรวม 17 จุด โดยเน้นเส้นทางเข้าและออกรอบนอกกรุงเทพฯ เป็นหลัก เช่นทิศเหนือ บนถนนวิภาวดี-พหลโยธิน และถนยบางนา-ตราด ในทิศตะวันออก เพื่อป้องกันไม่ให้รถที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐานมาใช้บนท้องถนนในเขตกรุงเทพฯ โดยประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก. 02) สายด่วน 1197 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือทางแอพพลิเคชั่น M-Help Me ทั้งนี้ หากบริษัทขนส่งหรือสถานประกอบการที่มีรถบรรทุกจำนวนมาก ตำรวจนครบาลได้จัดเตรียมชุดรถโมบายเคลื่อนที่เข้าไปให้บริการเพื่อลดความแออัด และลดการนำรถที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐานมาวิ่งบนท้องถนน โดยสามารถติดต่อประสานขอรับบริการผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 02-5153040 และ 097-3564146


จากนี้ตำรวจจราจรยังต้องหารือร่วมกับกรมการขนส่งถึงมาตรการทางกฎหมายอีกครั้งว่าจะมอบหมายให้ตำรวจมีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการกับรถยนต์ควันดำได้อย่างไรบ้าง เนื่องด้วยปัจจุบันตำรวจได้รับมอบอำนาจจากกรมควบคุมมลพิษที่จะสั่งห้ามใช้รถยนต์ที่มีควันดำเกินมาตรฐาน ซึ่งเกณฑ์การตรวจวัดจะกำหนดค่าควันไม่เกินร้อยละ 50 ด้วยระบบกระดาษกรอง และไม่เกินร้อยละ 45 ด้วยระบบตรวจวัดความทึบแสง หากพบเกินกว่าที่กำหนด ก็จะปิดสติ๊กเกอร์สีเหลืองที่หน้ารถ เพื่อห้ามใช้ชั่วคราวและนำไปปรับปรุงแก้ไขภายใน 30 วัน ก่อนกลับมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะถูกปิดสติ๊กเกอร์สีแดงสั่งห้ามใช้เด็ดขาด ซึ่งการขับขี่รถยนต์ควันดำเป็นความผิดอาญา มีโทษปรับสูงสุด 1,000 บาท

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า