ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ 6 รัฐมนตรี “ประวิตร” เกือบรอด แต่อนาคตใหม่ยันมีข้อมูลพร้อม ขณะที่ “อนุทิน-สมคิด-อุตตม” รอดในครั้งนี้
วันที่ 31 มกราคม นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว Workpoint News ภายหลังยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 6 คน ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ว่า ตอนแรกฝ่ายค้านสรุปจะยื่น อภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรี 5 คนจาก 9 คน แต่พรรคอนาคตใหม่ ยืนยันว่า มีข้อมูลเพียงพอที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เรียกได้ว่า “ตัดสินใจนาทีสุดท้าย” ก่อนถึงมือประธานสภา
วันนี้ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรี 6 คน ต่อประธานสภาแล้ว ประกอบด้วย
1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม
2. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง
3. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย
4. นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ
5. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย
6. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์
ก่อนหน้านี้ที่ประชุมฝ่ายค้านเคาะจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรี 9 คน สุดท้ายเหลือ 6 คน โดย 3 คนที่รอดครั้งนี้ คือ
1. อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข
2. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ
3. อุตตม สาวนายน รมว.คลัง
ทั้งนี้ การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือการที่สมาชิกฝ่ายค้าน เข้าชื่อการเสนอญัตติเพื่อสอบสวนรัฐบาล กระทำเมื่อเห็นว่าการทำงานของรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีไม่เป็นที่พอใจ ถือเป็นการควบคุมและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
– โดยขั้นตอนเมื่อฝ่ายค้านยื่นญัตติต่อประธานสภาแล้ว ประธานสภาจะมีเวลาตรวจสอบญัตติว่าถูกต้องหรือไม่ภายใน 7 วัน
– จากนั้นจะส่งไปยังรัฐบาล รัฐบาลจะต้องตอบกลับมาถึงประธานสภาว่า พร้อมเมื่อใด
– เมื่อทราบวันที่รัฐบาลพร้อมแล้ว ประธานสภาจะหารือกับวิปฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเพื่อกำหนดระยะเวลาในการอภิปราย
การออกเสียงลงมติไม่ไว้วางใจ ห้ามมิให้กระทำในวันเดียวกันกับที่การอภิปรายสิ้นสุด ทั้งนี้เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้มีเวลาไตร่ตรอง มติไม่ไว้วางใจจะต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หากสภาลงมติไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีผู้นั้นจะต้องพ้นจากตำแหน่งในทันทีตามมาตรา 170 ของรัฐธรรมนูญ
ปัจจุบันสภาผู้แทนราษฎรมีเสียงทั้งหมด 498 เสียง กึ่งหนึ่งคือ 249 เสียง (รอเลือกตั้งซ่อมกำแพงเพชร แทน พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ และ สมุทรปราการ แทน นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก)