ครูสาวสูญเงินเกือบแสน มิจฉาชีพอ้างเป็นบุคลากรทางการแพทย์หลอกขายหน้ากากอนามัย

อาจารย์สาวโพสต์เฟซบุ๊กหาซื้อหน้ากากอนามัย N95 หวังส่งไปช่วยผู้เดือดร้อนในเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลจัดหาหน้ากากอนามัยมาขายให้ สุดท้ายโอนเงินไปแลเวถูกเชิดหนี สูญเงินเกือบแสนบาท

วันที่ 3 ก.พ.2563 น.ส.ปภาพร หวังวิศวาวิทย์ อายุ 41 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ นำหลักฐานเป็นสลิปโอนเงิน และหลักฐานการพูดคุยเจรจาซื้อสินค้าเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.สราวุฒิ คละไฮ สารวัตรสอบสวน สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ หลังสั่งซื้อของทางออนไลน์ สูญเงินจำนวน 81,000 บาท แต่กลับถูกเชิดเงินหนี

น.ส.ปภาพร เปิดเผยว่า สถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ที่กำลังระบาดหนักมีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ด้วยความที่เป็นครูมีลูกศิษย์แลกเปลี่ยนที่เป็นคนจีนอยู่จำนวนมาก ทั้งที่โรงเรียนและที่สถาบันสอนเปียโนของตัวเอง จึงอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ โดยตั้งใจซื้อหน้ากากอนามัย N 95 ส่งไปที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ช่วยเหลือ จึงได้โพสต์เฟซบุ๊กประกาศหาซื้อหน้ากากอนามัย เพราะไม่สามารถหาซื้อตามร้านได้

ต่อมาได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อภู และชื่อต้น แอดข้อความมาพูดคุยว่าทำงานอยู่ในโรงพยาบาลรัฐชื่อดัง สามารถนำหน้ากาก N 95 ออกมาจำหน่ายให้ได้ในราคาถูก โดยในช่วงพูดคุยกันวันที่ 27 มกราคม 63 ที่ผ่านมา ทั้งสองคนทำทีพูดคุยในแชทเฟซบุ๊ก และโทรศัพท์มาว่าอยากช่วยเพื่อนมนุษย์ ตนจึงโอนเงินค่ามัดจำไปให้จำนวน 5,500 บาท และอีก 1-2 วันก็ทยอยโอนเรื่อยๆ รวมเงินที่โอนไปจำนวน 81,000 บาท และคนร้ายก็บอกว่าจะนำของไปส่งให้ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง

เมื่อถึงวันนัดหมายคือวันที่ 1 ก.พ.63 ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าไม่มาส่งของ โทรศัพท์ไปก็ปิดเครื่อง และปิดเฟซบุ๊กหนี จึงเชื่อว่าถูกแก๊งต้มตุ๋นหลอกลวงจึงนำหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นบทเรียน และตนก็ทราบว่ามีผู้เสียหายที่ถูกสองคนนี้หลอกในเชียงใหม่อีก 5 ราย ซึ่งทุกรายก็จะทยอยแจ้งความต่างที่กัน เรื่องนี้ถือเป็นบทเรียนราคาแพงไม่คาดว่าจะมีคนฉวยโอกาสเหตุร้ายแรง มาแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวเช่นนี้

พ.ต.ต.สราวุฒิ เปิดเผยว่า คดีนี้ต้องขอสอบสวนและรวบรวมหลักฐานในแชททั้งหมดรวมถึงหลักฐานการโอนเงินที่ได้รับมา ก่อนเรียกตัวเจ้าของบัญชีธนาคารมาสอบสวน เบื้องต้นอาจจะเข้าข่ายความผิดยักยอกทรัพย์ หรือ ฉ้อโกง ซึ่งคดีนี้ไม่ยากเพราะมีชื่อบัญชีการโอนเงิน โยจะเร่งดำเนินการทางกฎหมายโดยเร็ว

ทั้งนี้ กรมการค้าภายในยืนยัน 10 โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยในประเทศไทยมีสต๊อกอยู่ 100 ล้านชิ้น มั่นใจว่าสามารถรองรับการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ของจีนได้อีกประมาณ 4 เดือน หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยในประเทศไทยก็สามารถผลิตเพิ่มเติมให้มากขึ้นได้

นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า อาจมีบางพื้นที่ ที่มีคนจีนอาศัยอยู่หนาแน่นทำให้มีความต้องการซื้อหน้ากากอนามัยไปมาก จนทำให้ประชาชนหาซื้อได้ยากขึ้น ก็ขอให้ประชาชนแจ้งมายัง 1569 เพื่อที่กรมจะได้ประสานกับเอกชนเพื่อนำสินค้าไปจำหน่ายให้ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป แต่ขอรับรองว่าสินค้าไม่ขาดแคลน