Parasite เกร็ดหนัง ชนชั้นปรสิต การไต่เต้าสู่ชนชั้นที่สูงกว่า กับผีในสังคมเกาหลีใต้

ชนชั้นปรสิต (Parasite)  ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ที่คว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โดยเป็นครั้งแรกในรอบ 92 ปีของออสการ์ ที่ผู้ชนะในรางวัลนี้ เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ

ชนชั้นปรสิตเป็นหนังที่ถูกพูดถึงอย่างมากในเรื่องของรายละเอียด ทีมข่าวเวิร์คพอยท์รวบรวมจากบทวิเคราะห์ของ Insider และ The Take มาเพื่อให้แฟนหนังเรื่องนี้ได้ศึกษากัน

• หมายเหตุ: เนื้อหาในบทความนี้ เปิดเผยเนื้อเรื่องของภาพยนตร์อย่างมาก แนะนำให้หลีกเลี่ยงก่อนชม

Parasite แบ่งออกเป็นหนังสองส่วนในเรื่องเดียว
ส่วนแรก คือเรื่องของการที่ตระกูลคนจน 4 คน ค่อยๆ วางแผน มาจนถึงจุดที่ยึดบ้านคนรวยได้สำเร็จ และขณะที่กำลังเสพสุขอย่างที่สุด ทันใดนั้นก็มีเสียงกระดิ่งจากแม่บ้านคนเก่า (ดิ้งด่อง) หลังจากนั้น ความวุ่นวายจึงบังเกิด

นำไปสู่หนังภาคที่ส่วน คือส่วนของการเฉลยว่ามีอีกหนึ่งปรสิตที่ติดอยู่ในบ้าน และความโกลาหล และค่อยๆ คลี่คลายปมต่างๆ หลังจากนั้น

ยิ่งไปกว่านั้นที่บอกว่าหนังแบ่งครึ่งเป็นสองส่วน นั้นแบ่งเป๊ะๆ กล่าวคือ บทของภาพยนตร์ Parasite ยาว 142 หน้า จังหวะ “ดิ้งด่อง” ที่แม่บ้านคนเก่ามากดเพื่อขอเข้าไปในบ้านนั้น โผล่มาที่หน้า 71 พอดิบพอดี

บทสรุปของหนังที่โหดร้าย

Insider วิเคราะห์ว่าหนังกำลังจะบอกว่าคนจนไม่มีวันไต่เต้ามาเป็นคนรวยได้ หนำซ้ำ ท่ามกลางความขัดแย้ง คนที่ต่อสู้กัน คือคนจนกับคนที่จนกว่า (ตระกูลคิมกับคนที่อยู่ชั้นใต้ดิน) ฝันไปเถอะที่คนจนจะรวมตัวกัน เพื่อต่อสู้กับคนรวย แบบที่หลายคนวาดฝันเอาไว้

มีการวิเคราะห์กันมากว่าฝ่ายไหนคือ ปรสิตกันแน่ ซึ่งนอกจากตระกูลคิม ตระกูลปาร์ค และบ้านใต้ดินแล้ว มีนักวิเคราะห์ท่านหนึ่งเสนอมาว่า ปรสิตที่แท้จริงคือ “ความหวัง” ซึ่งซ่อนมาผ่านสัญญะของก้อนหินที่ลูกชายบ้านยากจนถือไว้ตลอดเรื่อง

ก้อนหินที่ในต้นเรื่อง เป็นของขวัญที่เพื่อนรักให้มา เป็นตัวแทนของความหวัง และเป็นสิ่งที่เขาติดมือไว้เสมอ แต่สุดท้าย มันก็น่าตลกร้ายนัก ที่เขาต้องมาเจออาการบาดเจ็บอย่างหนัก มีอาการทางสมอง เพราะก้อนหิน ซึ่งคล้ายกับการบอกว่า “ความหวัง” ที่หลอกๆ ลวงๆ นั่นแหละคือปรสิตของชีวิตคนที่แท้จริง

คุณพาร์ค คุณพ่อของบ้านร่ำรวย พูดเสมอว่าคนงาน คนรอบข้าง ไม่ควรล้ำเส้นพวกเขา กระทั่งกลิ่น ก็ไม่ควรล้ำมาแตะจมูก แต่บ้านรวย กลับล้ำเส้นฝ่ายคนจนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ให้ทำบะหมี่ในเวลาเร่งรีบ หรือโทรเรียกให้มาจัดงานวันเกิด เป็นการอวดร่ำอวดรวยในวันหยุดของคนจน วันที่พวกเขาต้องหนีน้ำท่วมกันหัวดับตับไหม้

และบ้านจนก็ต้องมาทำงาน มาให้พวกเขาโขกสับ แถมระหว่างทางบนรถ คุณนายพาร์ค ก็ยังปล่อยประโยคเช่น “ดูสิ เพราะฝนที่ตกลงมาแท้ๆ ทำให้ฝุ่นหาย พวกเราเลยได้มาปาร์ตี้กัน” ทั้งที่บ้านคนจนต้องฝ่าน้ำเน่า ฝ่าน้ำส้วม เพื่อออกมาทำงานให้แท้ๆ

เรื่องฝนที่เทลงมาก็แบ่งชนชั้นรวยจนอย่างชัดเจน สำหรับคนรวย พายุที่ถล่ม มันคือการอดไปปิกนิค แต่สำหรับคนจน มันคือความหายนะ ความบ้านแตก และต้องไปขออาหารจากศูนย์อพยพกิน

สำหรับคนรวย พวกเขาเลือกที่จะเลี่ยงไม่เห็นคนจน ด้วยการมองมันว่าเป็นผี

การที่ลูกชายคนเล็กของบ้านคนรวย มองคนชั้นใต้ดินเป็น “ผี” The Take วิเคราะห์ไว้ว่า นั่นก็เป็นความตั้งใจของผู้กำกับ ที่หนังใส่ไว้เพื่อบอกว่า เวลาคนรวย เขาอธิบายลูกหลาน ว่าความจนนี้มันคืออะไร เขาไม่มาอธิบายหรอกว่ามันเกิดจากความเหลื่อมล้ำ ความเอารัดเอาเปรียบ คำอธิบายง่ายๆ สั้นๆ ก็คือพวกนี้มันคือ “ผี” นั่นแหละ

และมันอาจจะเป็นสิ่งที่คนรวยใช้บอกตัวเองทุกครั้งที่พวกเขาเห็นคนยากคนจน คือพวกเขามองไม่เห็นคนจน แต่เขาเห็นแต่ผีปีศาจ สิ่งไม่มีชีวิต

Soju One Glass 564 ปีในการไต่เต้าให้เท่าเขา

“Soju One Glass” เพลงประกอบหนัง Parasite บรรเลงขึ้นทันทีที่หนังจบ เนื้อหาส่วนหนึ่งบอกว่า “ด้วยทักษะชีวิตที่มันมีอยู่ตอนนี้ คิวู (ลูกชายบ้านจน) ก็ต้องใช้เวลาถึง 564 ปี ถ้าจะหาเงินเพื่อไปซื้อบ้านของตระกูลคนรวย”

เพลง “Soju One Glass” นี้ โผล่มาตอนท้ายเรื่อง หลังจากคิวูเขียนจดหมาย บอกว่าวันนึงผมจะเก็บเงิน เพื่อไปซื้อบ้านหลังนั้น เพื่อให้พ่อเดินออกมาจากบ้านได้อย่างสง่าผ่าเผย แต่บงจุนโฮ ก็ตัดฉากจบ ด้วยภาพคิวูในบ้านเก่าๆ โทรม เป็นนัยว่ามันทำไม่ได้หรอก แล้วมาขยี้ปิดท้าย ด้วยเพลงๆ นี้ เป็นการทำลายความฝันหวานสำหรับทุกคนที่คิดว่าคนยากคนจนจะไต่เต้าไปสู่ความสำเร็จได้ในชั่วชีวิตนี้

หนำซ้ำในตอนจบของหนัง แม้ตระกูลพาร์ค จะอยู่บ้านหลังเดิมต่อไม่ได้ และคนที่อยู่ชั้นใต้ดิน จะถูกฆ่าตายไปแล้ว แต่สุดท้ายก็มีคนรวยชุดใหม่มาอยู่บ้านหลังนี้อยู่ดี และก็มีคนจนคนใหม่ ไปอยู่ชั้นใต้ดินเหมือนเดิม กล่าวคือ “ความเหลื่อมล้ำ มันไม่ใช่เรื่องปัจเจก มันคือโครงสร้าง เปลี่ยนคนเดิมออกไป คนใหม่มันก็มาแทนที่”

The Take ยังชี้ว่าสาเหตุที่หนังเลือกฆ่าลูกสาวบ้านจนให้ตายไปซะ เพราะจาก 6 คนของฝั่งคนจน ลูกสาวคนนี้ เอาจริงๆ ดูมีศักยภาพที่จะเติบโต พัฒนาตนเอง ไปเป็นคนมั่งมีที่มากที่สุด หนังพยายามบอกว่า ในโลกแห่งความจริงแล้ว ใครที่มาทำให้ชนชั้นสูงรู้สึกสั่นคลอนได้ ก็มีโอกาสจะถูกกำจัดมากที่สุด

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจ

หนึ่งในชื่อภาพยนตร์ที่ผู้กำกับอยากใช้ Parasites (เติม s เป็นพหูพจน์) ในความหมายคือ มันไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็น ปรสิตหรอก มันก็เกาะกินกันไปเป็นทอดๆ แหละ แต่ถ้าใช้ชื่อนี้มันจะกลายเป็นการสปอยล์หนังไปไม่น้อย