จากกรณีที่มีการแถลงผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 47 เป็นนักศึกษาไทยที่เดินทางกลับจากประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 26 ก.พ. โดยตอนมาถึงไม่มีไข้และได้ไปร่วมกิจกรรมในพื้นที่ต่างๆ จนเมื่อได้รับแจ้งจากเพื่อนที่อิหร่านว่าติดเชื้อ เมื่อ 2 มี.ค. นักศึกษาคนนั้นจึงเข้าพบแพทย์ในวันถัดมา และได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อเช่นเดียวกัน
.
จากนั้นในโลกออนไลน์มีการแชร์ข้อมูลต่อกันในลักษณะข่าวลือว่านักศึกษาคนดังกล่าวไปสถานที่ใดบ้าง จนส่งผลกระทบตามมา
วันที่ 7 ก.พ. ที่ร้านหัวทะเลเนื้อกะทะสาขา 2 ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อ.ท่าศาลาจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีการถูกแชร์ผ่านโซเชียลมีเดียและกลุ่มไลน์อย่างต่อเนื่องว่าเป็นสถานที่ที่หนุ่มติดเชื้อรายนี้ได้เข้ามาใช้บริการ ทำให้ทางร้านได้รับผลกระทบลูกค้าไม่เข้าร้านและยกเลิกสั่งจองโต๊ะหลายราย
นายปรีชา พิทักษ์ เจ้าของร้านระบุว่า ได้ติดตามข้อมูลรวมทั้งประสานงานกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าศาลาอย่างละเอียดและยังได้คุยกับผู้ป่วยด้วยตัวเองสอบถามถึงการเข้ามาใช้บริการหรือไม่ ได้รับคำตอบยืนยันชัดเจนว่าผู้ป่วยติดเชื้อรายนี้ไม่ได้เข้ามาใช้บริการ ไม่ได้เป็นไปตามข้อมูลที่มีการแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย
“เราได้ต่อสายตรงกับน้องเขาเองและขอคำยืนยันว่าหลังจากที่น้องกลับมาจากอิหร่าน น้องได้มาใช้บริการที่ร้านแล้วหรือยัง น้องเขาก็ยืนยันว่ายังไม่ได้มาใช้บริการ ไม่ได้เป็นไปอย่างที่มีการไประบุกันในสื่อออนไลน์บางแห่ง และวันที่ 1 และ 2 มี.ค. ตามที่ระบุ ทางร้านก็ไม่ได้เปิดให้บริการด้วย”
.
นายปรีชา กล่าวว่า ขอเรียกร้องความเป็นธรรม อย่าแชร์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียที่ไม่มีข้อเท็จจริงรวมทั้งบางสื่อที่ได้นำเอาข้อมูลไปเผยแพร่ต่อ จนทำให้ร้านได้รับผลกระทบลูกค้าไม่เข้าร้านด้วย