วันที่ 7 มี.ค. ที่อาคารบางกอกทาวเวอร์ พรรคกล้า พรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นใหม่ นำโดยนายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง ได้จัดประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรค เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งพิจารณาคำประกาศอุดมการณ์ นโยบายและข้อบังคับพรรค โดยมีผู้ร่วมก่แอตั้งพรรคมากกว่า 500 คนเข้าร่วม
.
ที่ประชุม ได้เลือก นายกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรค และ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นเลขาธิการพรรค
.
ส่วนกรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ ประกอบด้วย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค, นายภิมุข สิมะโรจน์ รองหัวหน้าพรรค, นายพงษ์พรหม ยามะรัต รองหัวหน้าพรรค, นายณัฐนันทน์ กัลยาศิริ นายทะเบียนพรรค, ดร.เอราวัณ ทับพลี เหรัญญิกพรรค, นายเบญจรงค์ ธารณา กรรมการบริหาร และ 9.นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร (นักแต่งเพลง-นายสะอาด ) กรรมการบริหาร
ขณะที่ อุดมการณ์ทางการเมือง 4 ข้อของพรรค คือ 1. ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เข้มแข็งมั่นคง – ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2. ปฏิบัตินิยมคู่คุณธรรม – นำไทยก้าวหน้า ทันสมัย พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนเปลงและวิกฤตการณ์ของโลก 3. ระบบเศรษฐกิจเสรีมีความรับผิดชอบต่อสังคม – ลดความเหลื่อมล้ำ ส่งเสริมการแข่งขัน ขจัดการผูกขาด และ 4. คนไทย ครอบครัวไทย ทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
นายกรณ์ กล่าวหลังรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคว่า ตนมีความภาคภูมิใจในผู้ก่อตั้ง และทีมงานพรรคกล้าทุกท่าน ที่เสียสละมาช่วยสร้างพรรค ด้วยความตั้งใจให้เป็นที่พึ่งให้กับประชาชนคนไทย ทุกคนมาด้วยเจตนามุ่งมั่นที่จะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ “การทำให้คนไทยมีความหวังในอนาคตที่ดีขึ้น”
.
ตนมีความกังวลว่า เมืองไทยวันนี้ ตอบโจทย์ผู้ที่มีแล้วเพียงไม่กี่คน แต่ไม่ให้ความหวังกับคนส่วนใหญ่ที่ยังไม่มี
.
วันแรกที่เปิดตัวตั้งพรรค ตนบอกว่า ต้องการที่จะให้พรรคกล้าเป็น “แพลตฟอร์ม” หรือพื้นที่ให้กับคนมีของ และผู้ที่เชื่อในศักยภาพของประเทศไทยเข้ามาแก้ปัญหา วันนี้ขอยืนยันเช่นนั้นอีกครั้ง ตนเชื่อว่าอนาคตของประเทศ ขึ้นอยู่กับการกระทำของคนในประเทศนั้น ๆ บางประเทศไม่มีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์นัก แต่คนของเขาทำให้ประเทศเจริญได้ ดูอย่างเกาหลี ญี่ปุ่น หรือสิงคโปร์ ส่วนประเทศไทยของเรามีทุกอย่าง แต่ที่ยังขาดคือ การลงมือทำ ทำด้วยความรู้ ความตั้งใจ และความบริสุทธิ์ใจ ที่สำคัญที่สุดคือต้องมี “ความกล้า”
“ผมอดขำไม่ได้ว่า ทันทีที่เราประกาศตั้งพรรค ก็มีคนที่พยายามจะให้เราเป็นพวกกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ที่มีความขัดแย้งกันอยู่ ฝั่งขวาก็บอกว่าเราจะเข้าพวกกับฝั่งซ้าย และฝั่งซ้ายก็บอกว่าเราจะเป็นพวกกับฝั่งขวา ขอประกาศบนเวทีในวันนี้ว่า พรรคกล้าไม่ใช่พรรคของฝ่ายใด เราไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นพรรคในสังกัดของใคร และเราจะไม่ปฏิเสธความคิดดี ๆ ของใคร ไม่ว่าเขาเคยเลือก หรือสนับสนุนพรรคใดมา ขอเพียงหวังตั้งใจดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และมีความพร้อมที่จะทุ่มเททำงานเพื่ออนาคตที่ดีของคนไทยทุกคน
.
วันนี้คนไทยกำลังพบกับความท้าทายรอบด้าน สังคมแตกแยก การทำมาหากินลำบาก ระบบราชการอุ้ยอ้าย คนเก่งคนทำงานไม่มีโอกาส กฎหมายล้าสมัย เทคโนโลยีล้าหลัง ปัญหาพื้นฐานขาดการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็น เรื่องน้ำและที่ดินของเกษตรกร เรื่องการศึกษาของเยาวชน เหล่านี้คือภารกิจของเรา เราจะรวมตัวคนมีของในแต่ละด้าน และชักชวนพวกเขามาทำงานการเมืองด้วยกัน ประเทศไทยต้องอาศัยมืออาชีพมาทำงาน พวกเราทุกคนในพรรคกล้าขอประกาศว่า “เรามาเพื่อลงมือทำ”
ด้านนายอรรถวิชญ์ ระบุว่า ขั้นตอนทางกฎหมายจากนี้ คือรอ กกต.อนุมัติเป็นพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ คาดว่าสิ้นเดือนมีนาน่าจะสมบูรณ์ วันนี้ โลกเปลี่ยนเร็ว ไทยต้องรับมือให้ทันถึงเวลาการเมืองแบบ “ปฏิบัตินิยม ลงมือทำ” เราจะเร่งรวมพลคนคิดสร้างสรรค์ นำชาติให้หลุดพ้น จากกับดักของความกลัวและการแบ่งผู้คนเป็น ซ้าย ขวา กลาง