SHARE

คัดลอกแล้ว

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เสนอมาตรการการแก้ปัญหาโรค COVID-19 แพร่ระบาดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว  โดยเสนอมาตรการ 3 อย่าง ปูพรมค้นหา-กักโรคผู้เดินทางเข้าอย่างจริงจังในโรงแรม-สื่อสารกับประชาชนอย่างชัดเจน เชื่อ “เจ็บแต่จบ” ภายใน 21 วัน

[1] ปูพรมคัดแยกผู้ติดเชื้อออกมา หากติดเชื้อและมีอาการให้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล – หากเป็นพาหะเข้าโรงแรมที่รัฐเช่าเพื่อกักโรค

คุณหญิงสุดารัตน์เสนอ “ยุทธการในการเอ็กซเรย์พื้นที่ทั่วประเทศ” เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อทั้งหมด โดยใช้โครสร้างพื้นฐานของสธ.ที่มีโรงพยาบาลชุมชนประจำอำเภอ,โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลและอสม.ที่มีอยู่จำนวน  1 คน/10 บ้าน รวมถึงโครงข่ายเจ้าหน้าที่สธ.จังหวัดและอำเภอ มาเป็นเครื่องมือ

การเอ็กซเรย์นี้ควรจะเกิดขึ้นภายใน 21 วัน แบ่งออกเป็น 3 ครั้ง ครั้งละ 5-7 วัน เชื่อว่าจะทำให้สามารถคัดกรองผู้ติดเชื้อออกมาได้จำนวนมากพอที่จะรักษาอัตราการติดเชื้อได้ในระดับเดียวกับประเทศไต้หวัน

เจ้าหน้าที่ควรเข้าไปปูพรมตรวจสอบทีละบ้าน หากบ้านใดมีผู้เจ็บคอ-ไข้ขึ้น-เป็นหวัด ควรบันทึกเข้าระบบก่อนเพื่อตรวจคัดกรองในขั้นต้นด้วยการตรวจ Anti-biotic เพื่อให้ทราบว่าใครป่วยด้วยไวรัส แม้จะไม่ทราบว่าไวรัสตัวใด แต่ก็ควรสันนิษฐานไปก่อนว่าเป็นไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่ระบาด แล้วจึงนำเข้าไปตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัสว่ามีเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิด COVID-19 จริงหรือไม่ 

สมมติเจอ 3 คน อาจติดโคโรนา 2 คน ส่วนอีกคนหนึ่งไม่ใช่แล้วค่อยให้กลับไป

นอกจากนี้ยังเสนอให้แบ่งผู้ติดเชื้อออกเป็นกลุ่มที่แสดงอาการและกลุ่มที่ไม่แสดงอาการ หากแสดงอาการควรให้เข้าโรงพยาบาลรักษา ส่วนผู้ไม่แสดงอาการควรให้เข้ามาตรการกักโรคอย่างจริงจังในสถานที่ที่จัดไว้ให้ 

“ไม่ใช่โรงรถเหมือนคราวแรงงานเกาหลี ต้องเช่าโรงแรม เหมาโรงแรม เนื่องจากโรงแรมเหลืออยู่เยอะมาก” โดยสุดารัตน์ชี้ว่าการเช่าโรงแรมยังเป็นการบรรเทาพิษเศรษฐกิจที่กระทบภาคท่องเที่ยวในช่วงที่มีไวรัสระบาดอยู่ด้วย

“เช่นโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เจอ 2 คนจากการตรวจคัดกรอง คนหนึ่งแสดงอาการป่วยเข้าโรงพยาบาลรักษา อีกคนไม่ป่วย มีโรงแรมใกล้ๆ  โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เช่าให้เป็นที่กักโรคภายใต้เจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล สาธารณสุขให้เป็นคู่ดูแล”

เป้าหมายการตรวจคือ 100,000 คน  ซึ่งคาดว่าใช้งบประมาณไม่เกิน 200-300 ล้านบาท เนื่องจากการตรวจ Antibody มีต้นทุน 50-200 บาท และการตรวจ PCR มีต้นทุน 2,000-3,000 กว่าบาท

[2] ลดการนำเข้าเชื้อไวรัสจากต่างประเทศ

สุดารัตน์เสนอว่าขณะที่ทำการปูพรมค้นหาและแยกตัวผู้ติดเชื้อ ก็ต้องคุมเข้มจากต่างประเทศ โดยเสนอ 2 ข้อเสนอด้วยกัน

1.ปิดไม่ให้ใครเข้าประเทศเลย

2.ไม่ปิด แต่แจ้งต้นทางเลยว่าหากเข้าประเทศไทยจะใช้พรบ.โรคระบาด ที่ทำให้ทุกคนต้องถูกกักโรค 14 วัน โดยรัฐเช่าโรงแรมแถวสุวรรณภูมิหรือสนามบินต่าง ๆ ให้เจ้าหน้าที่ของสธ.ไปดูแลเรื่องการกักโรคแทนการใช้แอพลิเคชั่นที่หละหลวม สุดท้ายย้ำว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ผู้เดินทางต้องเป็นผู้จ่ายคืนรัฐทั้งหมด ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการนำเชื้อไวรัสดังกล่าวเข้ามาจากต่างประเทศเพิ่ม

[3] สื่อสารกับประชาชนให้ชัดเจนกว่านี้

สุดารัตน์กล่าวว่าหากมีการปูพรมจริงจัง แน่นอนว่าตัวเลขจะสูงขึ้น ทำให้ต้องมีการอธิบายกับประชาชนว่าสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่คืออะไร ควรชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาว่าตัวเลขยิ่งสูงขึ้นเท่าไหร่ นั่นหมายถึงความปลอดภัยของปชชที่อยู่ข้างนอกยังไม่ติดเชื้อ โดยกล่าวว่าไม่ควรกลัวว่าตัวเลขจะสูงจนไม่กล้าตรวจยืนยันเชิงรุก

นอกจากนี้ควรใมีการเปิดเผยว่าติดที่ไหนบ้างโดยระบุสถานที่ในวงที่แคบลง ปัจจุบันบอกว่าเพียงว่าติดจากย่านต่าง ๆ ทำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการสัญจรไปเลยทั้งย่านและกระทบธุรกิจ หากมีการติดโรคที่ร้านนใด ภาครัฐควรคุยกับร้านให้เข้าใจแล้วเจ้าหน้าที่เข้าไปทำความสะอาด บังคับพนักงานทุกคนในร้านให้เข้าระบบกักโรคของสธ.

“ไม่มีคำว่ากักตัวเองอยู่บ้านสำหรับผู้สงสัย”

หากดำเนินการตามขั้นตอน ฆ่าเชื้อ ให้พนักงานกักโรคเรียบร้อยก็สามารถก็ประกาศได้ว่าร้านนี้ปลอดภัย เชื่อมั่นว่าหากทำอย่างนี้เศรษฐกิจจะไม่ล่ม

นอกจากนี้ยังชี้แจงว่าการที่ตนเสนอมาตรการปูพรม 3 รอบ 21 วัน เพราะเชื่อว่าภายใน 21 วันหากทำให้เร็วและค้นหาผู้ติดเชื้อให้เร็ว ก็จะสามารถจบปัญหาได้ใเร็ว และส่งผลให้ความปลอดภัยของประชาชนเกิดขึ้นและเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเร็ว

“การปิดสถานที่ต่าง ๆ จะทำได้เพียงลดการเคลื่อนของประชาชน ซึ่งช่วยได้ แต่คนที่ติดเชื้อก็ยังอยู่ เขาอยู่บ้านก็จริง แต่คนในบ้านติดเขาต้องออกไปทำงาน ไปซื้อของติดคนอื่นต่อ คนหนึ่งติดได้  2 คน ดังนั้นการปิดเกมที่จะให้จบเรื่องโคโรนาไวรัสได้เร็วที่สุดคือการหยิบผู้ติดเชื้อออก “ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขกล่าว

“หัวใจที่จะทำให้การแพร่ระบาดจบเร็วที่สุดคือต้องเจอผู้ติดเชื้อให้เร็วที่สุดและมากที่สุด” สุดารัตน์ย้ำระหว่างการแถลงข้อเสนอหลายครั้ง

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า