วิเคราะห์สถานการณ์ Covid-19 พบ กทม.แพร่เชื้อได้ 1:3 คน ย้ำมาตรการ Social Distancing ลดผู้ติดเชื้อ

กรมควบคุมโรค วิเคราะห์สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทยพบศูนย์กลางอยู่ที่กรุงเทพฯ กระจายสู่ 47 จังหวัด ย้ำมาตรการ  Social Distancing ลดความเสี่ยงติดเชื้อ หลังคำนวณพบ 7 วัน กรุงเทพฯ สามารถแพร่เชื้อได้ 1:3 คน

วันที่ 24 มี.ค.2563 พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค วิเคราะห์สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมเป็นต้นมา คนไทยติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นกระทั่งวันที่ 22 มี.ค. ยอดผู้ติดเชื้อชัดเจนขึ้นที่ 188 ราย เพราะก่อนหน้านี้มีมาตรฐานในการตรวจคือต้องยืนยันผลการตรวจ 2 ห้องปฏิบัติการ จึงจะแจ้งว่ามีผู้ติดเชื้อ ปัจจับันได้ปรับเปลี่ยนการตรวจที่มีมาตรฐานขึ้นสามารถยืนยันผลได้ในครั้ง สำหรับภาพรวมที่มีการคัดกรองที่ด่านทุกด่านตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.เป็นต้นมา มีการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 6 ล้านคน ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สงสัย หรือ PUI ประมาณ 11,000 ราย เมื่อตรวจแล้วพบเป็นสะสมทั้งหมด 827 ราย มีผู้เสียชีวิต 4 ราย

พญ.วลัยรัตน์ กล่าวว่า อัตรการป่วยโควิด-19 ในไทย พบว่าผู้ชายมีโอกาสติดเชื้อมากกว่าผู้หญิงในอัตราส่วน 2:1 ในช่วงอายุ 30-39 ปี ถัดมาคือกลุ่มอายุ 20-29 ปี เนื่องจากจุดพบการแพร่ระบาดเป็นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวคือ ผับ และสนามมวย ศูนย์การการแพร่ระบาดของเชื้ออยู่ที่กรุงเทพฯ ปัจจุบันพบผู้ป่วย 349 ราย โดยช่วงต้นเดือนมีนาคมพบผูป่วยกระจุกอยู่ กทม. จากนั้นช่วงกลางเดือนมีนาคนเป็นต้น เชื้อได้แพร่กระจายไปทั้งหมด 47 จังหวัด

ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการคำนวณอัตราการแพร่เชื้อใน 7 วัน พบว่า ผู้ป่วยพื้นที่กรุงเทพฯ 1 คน สามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้ถึง 3 คน เนื่องจากกรุงเทพฯ เป๋นศูนย์การของเชื้อโควิด-19 ในส่วนของต่างจังหวัดที่ภาคใต้ จังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และจังหวัดภูเก็ต พบการแพร่เชื้อประมาณ 1 : 2 ขณะที่จังหวัดอื่นๆ พบการแพร่เชื้อประมาณ 1:1.8 ซึ่งก็ใกล้เคียงกัน