SHARE

คัดลอกแล้ว

ในขณะที่สถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯ ยังคงรุนแรง โดยในวันนี้ (3 เม.ย.) มีผู้ติดเชื้อรวม 245,573 คน และผู้เสียชีวิต 6,058 คน ทำให้สหรัฐฯ เตรียมประกาศให้ประชาชนสวมหน้ากากเมื่อต้องออกนอกบ้าน เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

การระบาดยังส่งผลให้ผู้คนต้องตกงานแล้วมากกว่า 6.6 ล้านคน นับจนถึงวันที่ 28 มี.ค. ถือเป็นตัวเลขผู้ตกงานที่มากที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ

นายบิล เกตส์ อดีตผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ซึ่งปัจจุบันผันตัวมาทำงานด้านสาธารณกุศลเพื่อสังคมอย่างเต็มตัว และดำรงตำแหน่งประธานร่วมของมูลนิธิ บิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ ได้กล่าวแสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์ที่น่าวิตกกังวลที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐฯ หลังจากเคยให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่า ถ้าหากต้องการฝ่าวิกฤติโรคโควิด-19 ให้รอด เขาเห็นว่า สหรัฐฯจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง “ชัตดาวน์ตัวเองอย่างเคร่งครัดที่สุด” อย่างน้อยเป็นเวลา 6-10 สัปดาห์ และในการแสดงความเห็นในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ เขายังคงยืนยันถึงการชัตดาวน์สถานที่ทุกแห่งว่ามีความจำเป็น รวมถึงความสำคัญของการเร่งศึกษาและพัฒนาวัคซีนสำหรับการรักษา และเพื่อประชาชนเข้าถึงการตรวจหาเชื้ออย่างทั่วถึง

 

 

ไม่ใช่เรื่องน่าสงสัยแต่อย่างใดที่สหรัฐฯ พลาดโอกาสในการเอาชนะโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ แต่โอกาสสำหรับการตัดสินครั้งสำคัญก็ยังคงมีอยู่ ทางเลือกต่างๆ ที่เราและผู้นำของเรานำมาใช้อยู่ในขณะนี้ จะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมหาศาลต่อการที่จำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงได้เร็วเพียงใด ระยะเวลาที่เศรษฐกิจยังคงอยู่ในสภาพชัตดาวน์ และคนอเมริกันอีกมากเท่าใดที่ต้องฝังศพคนที่เรารักที่เสียชีวิตจากโควิด-19

จากการทำงานร่วมกับมูลนิธิเกตส์ ผมได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญและผู้นำหลายคนในรัฐวอชิงตันและทั่วประเทศ และผมเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเราต้องดำเนินตามมาตรการ 3 ขั้นตอน

อย่างแรกคือ เราจำเป็นต้องมีแนวทางที่สอดคล้องกันทั่วประเทศในการชัตดาวน์ เพราะแม้จะมีเสียงเรียกร้องจากผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข บางรัฐหรือบางเคาน์ตี้ ยังคงไม่ถูกชัตดาวน์อย่างสมบูรณ์ ในบางรัฐ ชายหาดยังคงเปิดให้นักท่องเที่ยว ส่วนในบางรัฐ ร้านอาหารหลายแห่งยังคงให้บริการลูกค้ารับประทานในร้าน

สิ่งเหล่านี้คือส่วนประกอบชั้นดีสำหรับหายนะที่กำลังเกิดขึ้น เนื่องจากประชาชนสามารถเดินทางข้ามรัฐไปมาได้อย่างอิสระ เช่นเดียวกับไวรัส ผู้นำประเทศจำเป็นต้องมีความชัดเจน ว่าการชัตดาวน์ “ทุกที่” หมายถึงการชัตดาวน์สถานที่ “ทุกแห่ง” จนกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงทั่วประเทศ ซึ่งอาจใช้เวลาถึง 10 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น และจะไม่มีใครสามารถดำเนินธุรกิจต่อไป หรือผ่อนปรนการชัตดาวน์ได้ ความสับสนเกี่ยวกับประเด็นนี้จะยิ่งสร้างความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสที่ไวรัสจะกลับมา และทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่าเดิม

สองคือ รัฐบาลกลางจำเป็นต้องเร่งดำเนินการตรวจหาเชื้อ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจหาเชื้อมากขึ้น เราควรต้องรวบรวมผลการทดสอบ เพื่อที่เราจะสามารถหาผู้ที่ต้องการเป็นอาสาสมัครในการทดสอบทางคลีนิค และทราบอย่างมั่นใจว่าเมื่อใดคือเวลาที่ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หนึ่งในรัฐที่เป็นตัวอย่างที่ดีคือ นิวยอร์ก ที่เพิ่งขยายขีดความสามารถในการตรวจหาเชื้อเป็นมากกว่า 20,000 รายต่อวัน

นอกจากนั้น ยังมีความคืบหน้าของวิธีการทดสอบที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เช่นการป้ายคอเพื่อตรวจหาเชื้อด้วยตนเอง ที่พัฒนาโดยเครือข่ายการประเมินโคโรนาไวรัสซีแอตเติล ที่อนุญาตให้ผู้ป่วยสามารถเก็บตัวอย่างเชื้อได้ด้วยตนเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่ ผมหวังว่าความคืบหน้าครั้งนี้ และนวัตกรรมอื่นๆ ในการทดสอบ จะมีการนำไปใช้ทั่วประเทศเร็วๆ นี้

แต่ถึงกระนั้น ความต้องการในการทดสอบเชื้อบางครั้งอาจมีมากเกินกว่าความสามารถในการรองรับ และแทบไม่มีเหตุผลว่าทำไมบางคนจึงได้รับโอกาสดังกล่าว ผลก็คือ เราจึงไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีจำนวนผู้ป่วยเท่าใดกันแน่ และที่ใดที่อาจเป็นเป้าหมายต่อไปของการระบาด และอาจเป็นเรื่องยากที่จะทราบได้ว่ามันจะกลับมาระบาดอีกครั้งหรือไม่ และเนื่องจากยังคงมีตัวอย่างจำนวนมากที่ยังไม่ผ่านการตรวจเชื้อ มันจึงต้องใช้เวลานานถึง 7 วัน กว่าที่ผลจะออก ขณะที่เราจำเป็นต้องทราบข้อมูลดังกล่าวภายในเวลา 24 ชั่วโมง

นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมอเมริกาจึงจำเป็นต้องมีการจัดลำดับความสำคัญว่าผู้ใดควรได้รับการตรวจก่อน คนที่ควรอยู่ในลำดับแรกๆ ควรเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญ เช่น เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้น ตามมาด้วยผู้ที่แสดงอาการชัดเจน ซึ่งอาจมีความเสี่ยงที่สุดที่จะป่วยหนัก และผู้ที่มีแนวโน้มว่าติดเชื้อแล้ว

สำหรับหน้ากากอนามัยและเครื่องช่วยหายใจก็ควรเป็นในลักษณะเดียวกัน การบีบบังคับให้ผู้ว่าการรัฐทั้ง 50 คน ต้องมาแก่งแย่งเครื่องมือที่มีความสำคัญต่อการช่วยชีวิตผู้ป่วยกันเอง และการบีบให้โรงพยาบาลต้องเสียเงินซื้อเครื่องมือเหล่านี้ในราคาที่สูงเกินจริง มีแต่จะทำให้สิ่งต่างๆ เลวร้ายลง

ท้ายที่สุด เราต้องการวิธีการในการพัฒนาการรักษาและวัคซีนที่อาศัยข้อมูล และตอนนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังเร่งพัฒนาทั้งสองสิ่งอย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกัน ผู้นำสามารถมีส่วนช่วยได้โดยการไม่สร้างข่าวลือ หรือทำให้เกิดภาพการกว้านซื้อของจนหมดชั้นวางสินค้าด้วยความตื่นตระหนก โดยก่อนหน้าที่ยาไฮดร็อกซี่คลอโรควินจะได้รับการอนุมัติให้ใช้เป็นยารักษาโควิด-19 ในกรณีฉุกเฉิน ผู้คนก็เริ่มกักตุนยาดังกล่าว ทำให้ผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง ไม่สามารถหายาดังกล่าวได้

นอกจากนั้น เราควรยึดอยู่กับกระบวนการต่างๆ ที่ใช้ได้ผล เช่น การดำเนินการทดสอบโดยใช้อาสาสมัครหลายกลุ่ม เพื่อหาวิธีการรักษาอย่างรวดเร็ว และแจ้งให้ประชาชนได้ทราบถึงผลการทดสอบ เมื่อเรามีวิธีการรักษาที่ปลอดภัยและได้ผลดีแล้ว เราจำเป็นต้องแน่ใจว่า ผู้ที่จะได้รับการรักษาเป็นลำดับแรกคือผู้ที่มีความจำเป็นมากที่สุด

ส่วนการที่จะทำให้โรคนี้หมดไปนั้น เราจำเป็นต้องมีวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ หากเราทำทุกอย่างอย่างถูกต้อง เราก็จะมีวัคซีนใช้ในอีกไม่เกิน 18 เดือนข้างหน้า ซึ่งถือว่าเร็วที่สุดเท่าที่มีการพัฒนาวัคซีนมา แต่การพัฒนาวัคซีนเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของการต่อสู้เท่านั้น ในการปกป้องชาวอเมริกันและผู้คนทั่วโลก เราจำเป็นต้องผลิตวัคซีนนับพันล้านโดส เพราะหากปราศจากวัคซีนแล้ว ประเทศที่กำลังพัฒนาอาจตกอยู่ในความเสี่ยงยิ่งกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและการกักตัวเองเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก

เราสามารถเริ่มสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการพัฒนาวัคซีนได้ตั้งแต่ตอนนี้ เนื่องจากหน่วยงานชั้นนำหลายแห่งมีเครื่องมือที่ทันสมัย เราจึงจำเป็นต้องสร้างสิ่งหล่านี้ให้แก่พวกเขา แต่ก็ต้องตระหนักว่าอาจมีบางแห่งที่จะไม่ถูกใช้ บริษัทเอกชนหลายแห่งอาจไม่สามารถรับความเสี่ยงเหล่านั้นได้ แต่หน่วยงานรัฐสามารถทำได้ ในสัปดาห์นี้ยังมีสัญญาณที่ดีเกิดขึ้น หลังหน่วยงานต่างๆ ทำข้อตกลงกับบริษัทอย่างน้อย 2 แห่ง เพื่อเตรียมการผลิตวัคซีน และผมหวังว่าจะมีข้อตกลงอื่นๆ ตามมาอีก

เมื่อปี 2015 ในการพูดในงาน “เท็ด ทอล์ค” ผมเคยเรียกร้องให้ผู้นำโลกเตรียมพร้อมสำหรับการระบาดครั้งใหญ่ เช่นเดียวกับการเตรียมพร้อมในภาวะสงคราม ด้วยการสร้างแบบจำลองเพื่อหารอยร้าวในระบบ อย่างที่เราเห็นในปีนี้ เรายังคงต้องต่อสู้กันอีกนาน แต่ผมยังเชื่อว่า หากเราสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องตั้งแต่ตอนนี้ โดยอาศัยวิทยาศาสตร์ ข้อมูล และประสบการณ์ของผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ เราสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้มากมาย และนำประเทศกลับสู่สภาพเดิมได้อีกครั้ง

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า