ประธานาธิบดีเยอรมันเตือนสติประชาชน “วิกฤติ โควิด-19 ไม่ใช่สงคราม”

แฟรงค์-วอลเตอร์ สไตน์ไมเออร์ ประธานาธิบดีเยอรมัน แถลงกับประชาชนรับเทศกาลอีสเตอร์ ซึ่งกลายเป็นแถลงที่คนพูดถึงกันมาก ว่ามีเนื้อหาที่เหมาะสม กินใจ เหมาะกับช่วงเวลา

อ่านแถลงเต็มๆ ได้ที่นี่

“สวัสดียามเย็นครับ พี่น้องประชาชน อีกไม่กี่ชั่วโมงเทศกาลอีสเตอร์กำลังจะเริ่มต้นขึ้น มองออกไปข้างนอก ธรรมชาติกำลังเบ่งบาน ปกติเราจะออกไปข้างนอก เจอผู้คน คนที่เรารัก ครอบครัวและเพื่อนฝูง เราคุ้นชินกับบรรยากาศแบบนี้ แต่ปีนี้ไม่เหมือนเดิม มันเจ็บปวดที่เราไม่ได้ไปพบปะครอบครัว แล้วมันก็เจ็บปวดสำหรับคุณปู่คุณย่าเช่นกัน ที่พวกเขาไม่ได้พบเจอหลานๆ ในช่วงเทศกาลนี้ 

โรคระบาดนี้ทำให้รู้ว่าพวกเราอ่อนแอกว่าที่คิด อาจเป็นเพราะเราคิดว่าเราเข้มแข็งมานาน เราพยายามทะยานไปข้างหน้าด้วยความไว ไปให้สูงขึ้น ไกลขึ้น แต่ทั้งหมดมันอาจเป็นเรื่องลวง วิกฤติครั้งนี้ไม่ใช่แค่สะท้อนความจริงเหล่านี้ แต่สะท้อนว่าเราเข้มแข็งได้แค่ไหน และเราจะเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ ได้อย่างไร สัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องบอกว่า ผมประทับใจกับความพยายามของประเทศของเรา วิกฤติมันยังไม่หายไป แต่พวกเราปรับตัวกับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี พวกคุณทุกคนกำลังรักษาชีวิตของกันและกันอยู่ และรัฐบาลก็กำลังจัดการเรื่องนี้อย่างดี แม้ว่าแต่ละวันมันจะมีอุปสรรคอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา ผมร้องขอให้พวกท่านเชื่อมั่นในรัฐบาลเยอรมัน และรับผิดชอบชีวิตของแต่ละคน 

วิกฤติโรคระบาดในครั้งนี้ไม่ใช่สงคราม แต่ละชาติไม่ได้ยกอาวุธต่อสู้กันและกัน ทหารไม่ได้ประจันหน้ากันอยู่ มันคือการทดสอบความดีงามของมนุษยชาติต่างหาก มันเป็นวิกฤติที่โชว์ด้านดีและชั่วของคนได้ดี เรามาร่วมมือกับชาติยุโรปเช่นกัน เยอรมันไม่สามารถออกจากวิกฤติได้ ถ้าประเทศเพื่อนบ้านอ่อนแอ 

เมื่อวิกฤตินี้ผ่านพ้นไป สังคมจะไม่เหมือนเดิม เราไม่อยากอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยความกลัว ไม่ไว้วางใจกัน เราอยากอยู่ในสังคมที่เชื่อมั่นและเชื่อใจกันและกัน เรื่องที่ผมขอคงไม่มากเกินไปสำหรับช่วงอีสเตอร์นี้ ไวรัสไม่มีพลังมากพอที่จะมาเล่นงานเราในเรื่องนี้ เราจัดการพวกมันได้ หลังจากนี้มันคงไม่ง่ายนัก แต่พวกเราก็พร้อมรับมือกับเรื่องยากๆ อยู่แล้ว เราคาดหวังจากกันและกัน และจากตนเอง เราจะเติบโตจากสถานการณ์นี้ สุขสันต์อีสเตอร์ครับ ดูแลกันและกัน ผมหวังว่าทุกคนจะปลอดภัยอย่างที่สุด”

เยอรมันมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่าหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นคน แต่ถือว่ารับมือกับโควิด-19 ดีกว่าประเทศในยุโรปอย่างอิตาลีและฝรั่งเศส