SHARE

คัดลอกแล้ว

สธ.เผยผลการตรวจเชื้อเพื่อนร่วมสังสรรค์พนักงานขับรถเมล์สาย 140 ที่ป่วยโควิด-19 และเสี่ยชีวิต พบ 7 คนผลตรวจเป็นบวก ด้าน รมช.สาธารณสุข เตรียมหารือนายกฯ ทำประกันภัยโควิด-19 ให้ อสม.ทั่วประเทศ หลังช่วยงานจนองค์การอนามัยโลกชื่นชม

วันที่ 14 เม.ย.2563 นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า เป็นเรื่องน่ายินดีกับตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ของประเทศไทยที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากการค้นหากลุ่มเสี่ยงเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง นำเข้าระบบการรักษา ยิ่งค้นหาเร็ว ตรวจเร็ว รักษาเร็ว ยิ่งทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กว่า 1,040,000 คน และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานครอีก 15,000 คน เป็นกำลังสำคัญทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่น เป็นด่านหน้าออกเคาะประตูบ้านแล้วเกือบ 12 ล้านหลังคาเรือน ให้ความรู้ ย้ำความสำคัญมาตรการการเว้นระยะห่าง รวมทั้งค้นหากลุ่มเสี่ยงนำเข้าระบบการรักษาอีก 2,266 คน เป็นผลงานระดับโลกที่องค์การอนามัยโลกกล่าวชื่นชม นับเป็นพลังฮีโร่เงียบสู้โรคโควิด-19 เป็นตัวอย่างให้กับหลายประเทศเป็นแนวทางในการควบคุมโรคได้อีกด้วย

ในระยะต่อไป บทบาทของอสม.จะมุ่งเน้นไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเสี่ยง โดยทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งจะทำให้งานควบคุมและป้องกันโรคในระดับชุมชนมีประสิทธิภาพ เนื่องจาก อสม.เป็นผู้ที่เข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร ความเคลื่อนไหว ในระดับครัวเรือนได้เป็นอย่างดี ทำให้การคัดกรองกลุ่มเสี่ยงเพื่อเข้าสู่ระบบรักษารวดเร็ว

“ขอเป็นตัวแทนของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะขอบคุณและให้กำลังใจพี่น้อง อสม.ทั่วประเทศที่ทำงานร่วมกับ รพ.สต. วันนี้ภารกิจยังไม่บรรลุเป้าหมายในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ขอกำชับให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มข้นต่อไป ภารกิจนี้ยังอีกไกลประมาทไม่ได้” นายสาธิตกล่าว

สำหรับกลุ่มหมอนวดแผนไทย ควรได้รับการเยียวยาตามโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” เนื่องจากได้รับผลกระทบ ได้มอบให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ช่วยดูในข้อหลักการของการได้รับสิทธินี้เพื่อรักษาสิทธิ ขณะนี้มีผู้ขึ้นทะเบียนที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 140,000 คน เพื่อให้ได้รับสิทธิการช่วยเหลือ โดยให้ประสานกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ช่วยให้กลุ่มหมอนวดแผนไทยได้รับการช่วยเหลืออย่างเร็วที่สุด

เพื่อนร่วมสังสรรค์คนขับรถเมล์ติดเชื้อ 7 ราย

ด้าน นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค ชี้แจงกรณีพนักงานขับรถเมล์สาย 140 ว่าจากการสอบสวนโรคพบ 18 คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ทั้งเพื่อนร่วมงาน 9 คนไม่มีใครพบเชื้อเลย และเพื่อนร่วมสังสรรค์มีผลตรวจพบเชื้อประมาณ 7 คน
.
ผู้เสียชีวิตเริ่มป่วยวันที่ 26 มีนาคม และไปขับรถเมล์ในบางวันจนถึงวันที่ 2 เมษายน กระทั่งป่วยหนักต้องแอดมิทโรงพยาบาลวันที่ 2 เมษายน ซึ่งได้ตรวจสารคัดหลั่งหาเชื้อโควิด-19 พบผลเป็นบวกจึงได้เข้าไปนอนที่โรงพยาบาลวันที่ 3 เมษายน กระทั่งอาการทรุดหนักและเสียชีวิตช่วงค่ำวันที่ 12 เมษายน
.
ผู้โดยสารที่เกี่ยวข้องอาจจะนั่งรถคัดดัวกล่าวช่วงเวลาที่ผู้เสียชีวิตขับรถ กลุ่มผู้โดยสารเสี่ยงคือผู้ที่นั่งอยู่ตอนหน้าของรถเมล์ ซึ่งยังไม่มีข้อมูลว่าขณะขับรถสวมหน้ากากหรือไม่ ผู้โดยสารกลุ่มนี้จึงมีความเสี่ยง เสี่ยงมากแค่ไหนอยู่ที่ระยะเวลาที่นั่งอยู่และระยะใกล้แค่ไหน หากผู้โดยสารที่ขึ้นรถแล้วไปนั่งด้านหลังก็ไม่น่าจะมีความเสี่ยงอะไร ขอให้ประเมินตัวเองตามนี้ แต่ถ้าพบมีอาการป่วยขอให้ไปตรวจหาเชื้อเพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษา

ศพผู้เสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 เสี่ยงติดเชื้อ

นพ.อนุพงศ์ ชี้แจงกรณีการจัดงานศพผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ว่า ช่วงแรกศพจะยังมีสารคัดหลั่งตามร่างกาย เมื่อร่างยังอยู่ที่โรงพยาบาลทุกอย่างจะถูกทำให้ปลอดเชื้อ หากการนำศพไปทำพิธีจะต้องไม่ได้สัมผัสหรือเปิดถุงซิปล็อกออกมา และให้รีบทำพิธีเรียบง่ายก็จะไม่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ ญาติสามารถประกอบพิธีได้ แต่กรณีคนขับแท็กซี่เสียชีวิต ยังไม่ยืนยันว่าเสียชีวิตจากโควิดหรือไม่ ผู้ไปสัมผัสอาจมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ หากผู้เสียชีวิตป่วยโควิด อย่างไรก็ตามกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำแนวทางปฏิบัติให้กับกู้ชีพกู้ภัยที่เข้าไปเก็บศพผู้เสียชีวิตในสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 แล้วว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรไม่ให้มีการแพร่เชื่อหรือติดเชื้อ

สำหรับรายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) ประจำวันที่ 14 เมษายน 2563

1. สถานการณ์ทั่วโลกข้อมูลตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม – 14 เมษายน 2563 (7.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 1,923,280 ราย เสียชีวิต 119,587 ราย ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศที่มียอดผู้ป่วยมาก 3 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วย 586,377 ราย เสียชีวิต 23,160 ราย สเปนพบผู้ป่วย 170,099 ราย เสียชีวิต 17,756 ราย และอิตาลีพบผู้ป่วย 159,516 ราย เสียชีวิต 20,465 ราย

2. สถานการณ์ในประเทศไทย (13 เมษายน 2563 เวลา 16.00 น.) ผู้ป่วยกลับบ้านได้ 117 ราย ผู้ป่วยรายใหม่ 34 ราย นับเป็นลำดับที่ 2,580-2,613 จำแนกเป็นกลุ่มดังนี้
กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 27 ราย มีรายละเอียด ดังนี้
1.1 สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 27 ราย

กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 4 ราย มีรายละเอียด ดังนี้
2.1 คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 2 ราย (กลับจากอิตาลี, มาเลเซีย)
2.2 ไปสถานที่ชุมนุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า, ตลาดนัด, สถานที่ท่องเที่ยว 1 ราย
2.3 อาชีพเสี่ยง 1 ราย

กลุ่มที่ 3 ยืนยันพบเชื้อ อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 2 ราย

กลุ่มที่ 4 เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantines 1 ราย (กลับจากอินโดนีเซีย : สตูล)

วันนี้ ได้รับรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 52 ปี อาชีพพนักงานรัฐวิสาหกิจ (ขับรถ ขสมก.) มีโรคประจำตัวคือ ความดันโลหิตสูง และหัวใจโต มีประวัติสังสรรค์ดื่มสุรากับกลุ่มเพื่อน เข้ารักษาครั้งแรกเป็นผู้ป่วยนอกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งด้วยอาการ ไข้ ไอเจ็บคอ มีน้ำมูก มีเสมหะ หลังจากนั้น 7 วัน มีไข้ ถ่ายเหลว หายใจลำบาก จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกแห่ง เก็บสิ่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อและรับไว้รักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยมีอาการแย่ลงเรื่อยๆ เสียชีวิตวันที่ 12 เมษายน 2563 (เป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 41)

สรุปภาพรวมวันนี้ มีผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 1,405 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 1,167 ราย เสียชีวิตรวม 41 ราย รวมมีผู้ป่วยสะสม 2,613 ราย

 

 

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า