ไทยรักษาโควิดหายเพิ่มอีก 96 คน พบผู้ติดเชื้อใหม่ 29 คน ยอดรวม 2,672 คน

ศบค.แถลงพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 29 ราย รวมสะสม 2,672 รักษาหายเพิ่มขึ้นอีก 96 รวม 1,593 ราย เสียชีวิตอีก 3 ถือเป็นแนวโน้มที่ดียอดผู้ป่วยลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ผู้ป่วยในโรงพยาบาลเหลือเพียง 1,033 ราย (ฟังคลิปสรุปข่าว)

วันที่ 16 เม.ย.2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทยวันนี้พบผู้ป่วยใหม่ 29 ราย ยอดรวมสะสม 2,672 ราย มีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านได้แล้วเพิ่ม 96 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 1,593ราย มีเสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิตสะสม 46 ราย

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 29 คน เเบ่งเป็น

กลุ่มที่ 1 เป็นผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 14 ราย (ในจำนวนนี้เป็นผู้สัมผัสในครอบครัว 6 ราย /พบผู้ป่วยที่จังหวัดปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส, ภูเก็ต, ชุมพร, กรุงเทพฯ)

กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 5 ราย มีรายละเอียด ดังนี้

2.1 คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 2 ราย (เป็นนักศึกษาเดินทางกลับจากอังกฤษ)

2.2 ไปสถานที่ชุมนุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า, ตลาดนัด, สถานที่ท่องเที่ยว 1 ราย

2.3 อาชีพเสี่ยง 2 ราย (เป็นพนักงานบริษัทร่วมงานกับชาวต่างชาติ)

และ กลุ่มที่ 3 ยืนยันพบเชื้ออยู่ระหว่างสอบสวนโรค 10 ราย (พบที่จังหวัดชุมพร, กรุงเทพฯ)

รายละเอียดผู้เสียชีวิต รายแรกเป็น ชาย สัญชาติมาเลเซีย อายุ 55 ปี อาชีพไกด์ทัวร์ มีประวัติเสี่ยง เดินทางไปประเทศจอร์เจียเมื่อวันที่ 13-19 มี.ค. 63 พบลูกทัวร์ป่วยโรคโควิด-19 ก่อนที่ตนเองจะเริ่มป่วยในวันที่ 21 มี.ค. 63 หลังจากเดินทางกลับจากจอร์เจีย และเข้ารับการรักษา 29 มี.ค. 63 ผลเอ็กซเรย์พบปอดอักเสบรุนแรง รักษามาตลอด 2 สัปดาห์แต่อาการแย่ลงเรื่อยๆ ก่อนเสียชีวิตวันที่ 14 เม.ย. 63

รายที่ 2 หญิงไทยอายุ 35 ปี อาชีพพนักงานบริษัท มีโรคประจำตัว คือโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง รักษาไม่ต่อเนื่อง เริ่มป่วยวันที่ 20 มี.ค. 63 ด้วยอาการ ไอ เหนื่อย เข้ารักษาครั้งแรกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และได้ยากลับไปทานที่บ้าน แต่ทานแล้วอาการไม่ดีขึ้น ก่อนกลับมารักษาอีกครั้งวันที่ 26 มี.ค. 63 ด้วยอาการไอมากขึ้น และเหนื่อยมากขึ้น เมื่อเอ็กซเรย์พบปอดอักเสบรุนแรง และติดเชื้อในกระแสเลือด ระหว่างการรักษาผู้ป่วยมีอาการไอ เหนื่อย และอาการแย่ลงเรื่อยๆ ก่อนเสียชีวิตในวันที่ 15 เม.ย. 63

และรายที่ 3 ชายไทย อายุ 37 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป ขับรถแบกโฮ มีโรคประจำตัว คือความดันโลหิตสูง และภาวะอ้วน พบประวัติเสี่ยงคือ ภรรยาทำงานเป็นพนักงานร้านอาหารแถวสุขุมวิท ในกรุงเทพฯ หลังจากปิดร้านได้เดินทางกลับบ้านที่ จ.ปราจีนบุรี ในวันที่ 18 มี.ค. 63 ต่อมาเริ่มป่วยวันที่ 22 มี.ค. 2563 ด้วยอาการไข้สูง และทอมซินอักเสบ เข้ารับการรักษาที่คลินิกแห่งหนึ่งที่ จ.ปราจีนบุรี ระหว่างนั้นมีอาการมากขึ้น และเข้ารับการรักษาที่คลินิกอีก 4-5 ครั้ง ก่อนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ด้วยอาการหนักจนต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และเสียชีวิตในวันที่ 15 เม.ย. 63

สำหรับสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยพบผู้ป่วยกระจายใน 68 จังหวัด มากที่สุดคือ กรุงเทพมหานคร 1,349 ราย/ ภูเก็ต 191 ราย/ นนทบุรี 148 ราย/ สมุทรปราการ 108 ราย

ขณะที่ นพ.ทวีศิลป์ ได้กล่าวชื่ชน 25 จังหวัด ที่ไม่พบผู้ป่วยในรอบ 14 วันที่ผ่าน ได้แก่ เชียงราย เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี จันทบุรี นครนายก บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ราชบุรี ลพบุรี ลำพูน ศรีสะเกษ สมุทรสงคราม สระบุรี สุโขทัย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี ขณะที่อีก 9 จังหวัดที่ไม่พบผู้ป่วยมาก่อน ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี และอ่างทอง

ขณะที่วันนี้จะมีคนไทยกลับจาก มัลดีฟส์จำนวน 55 คน และ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์อีก 119 คน และในพรุ่งนี้(17 มี.ค. 2563) จะคนไทยเดินทางกลับจากสหรัฐฯอีก 129 และบังคลาเทศอีกจำนวน 35 คน เดินทางกลับเข้าประเทศ

นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยว่าช่วงเช้าที่ผ่านมา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของคณะแพทย์และบุคลากรในการดูแล รักษา และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลศิริราช พร้อมตรวจดูการใช้งาน เครื่องมือ AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ เพื่อวิเคราะห์โรคเชื้อ COVID-19 ซึ่ง Huawei ได้มอบให้กับโรงพยาบาลศิริราช เพื่อใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ เพื่อป้องกันและรักษาโรคการตรวจแบบ PCR มีความเสี่ยงในการที่เจ้าหน้าที่อาจจะติดเชื้อได้ จึงใช้วิธีการเอ็กซเรย์ปอด