SHARE

คัดลอกแล้ว

สถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ยังดีขึ้นต่อเนื่อง หลังไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่มติดกันเป็นวันที่สอง และผู้ติดเชื้อเพิ่ม   32 คน ยอดรวม 2,765 คน ย้ำ “วัยสังคม” กลุ่มใหญ่ติดเชื้อ

วันที่ 19 เม.ย. 63 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 วันนี้ ว่าไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 32 คน ยอดรวม 2,765 คน ซึ่งกว่า 49 % เป็น “วัยสังคม” อายุระหว่าง 20-39 ปีที่ยังมีการติดเชื้อต่อเนื่อง พร้อมย้ำ “New Normal” คือชุดพฤติกรรมใหม่ที่ต้องปฏิบัติให้เป็นปกติ ทั้งสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และเว้นระยะห่างทางสังคม

มีผู้รักษาหายกลับบ้านแล้วรวม 1,928 คน (รักษาหายเพิ่ม 141  คน) ยังคงรักษาตัวอยู่ในรพ. 79 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมเป็นวันที่สองติดต่อกัน ยอดสะสมยังคงที่ 47 คน

“คนกลุ่มนี้ปลอดภัย คนกลุ่มนี้มีภูมิคุ้มกันโดยส่วนใหญ่” นพ.ทวีศิลป์กล่าว ทั้งนี้ยังเชิญชวนผู้ป่วยที่หายแล้วร่วมบริจาคเลือดผ่านสภากาชาดไทยในกรุงเทพฯ เพื่อใช้ในการดูแลผู้ป่วยรายอื่นต่อไป

รายละเอียดผู้ป่วยรายใหม่ มีรายละเอียดดังนี้

-ผู้ที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้า 18  ราย กว่า 14 ราย พบในกรุงเทพฯ

-ไปสถานที่ชุมนุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว 2 ราย

-อาชีพเสี่ยง  เช่น ทำงานในที่แออัด ใกล้ชิดกับคนต่างชาติ 3  ราย

-ยืนยันการพบเชื้อแล้ว แต่รอสอบสวนโรค 5 ราย

-ผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และอยู่ใน State Quarantine 4 ราย

สำหรับยอดผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมจนถึงขณะนี้ประเทศไทยมี 2,765 รายนั้น กระจายใน 68 จังหวัด สูงสุดที่กรุงเทพฯ 1,425 ราย ตามด้วย จ.ภูเก็ต 192 ราย นนทบุรี 150 ราย  สมุทรปราการ 108 ราย ยะลา 99 ราย เป็นต้น โดยภูเก็ตยังคงมีอัตราส่วนการป่วยต่อแสนประชากรสูงที่สุด

โฆษก ศบค. ยังเปิดเผยข้อมูลจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยในช่วง 14 วัน (5-18 เม.ย.)  ทั้งหมด 33 จังหวัด และจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยมาก่อนรวม 9 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี อ่างทอง

โดยทั่วโลกนั้นมีผู้ป่วยสะสมกว่า 2,331,892 คน และเสียชีวิต 160,763 ราย ภายในวันเดียวเสียชีวิตเพิ่มกว่า 6,502 ราย  ซึ่งชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์การระบาดยังคงน่าเป็นห่วง นอกจากสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงในแต่ละวัน ฝรั่งเศสเป็นอีกประเทศที่ต้องเฝ้าระวัง

ถอดบทเรียน “วัยสังคม”

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นับตั้งแต่ม.ค. ถึง 18 เม.ย. พบผู้ป่วยในช่วงอายุ  20-39 ปีแล้วกว่า 1,334 ราย คิดเป็น 49% ของผู้ป่วยทั้งหมด และยังมีการเสียชีวิต 3 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นคนไทย ซึ่งกระจายตัวอยู่ 3 อันดับแรก คือในกรุงเทพฯ 732ราย ภูเก็ต 108 ราย และนนทบุรี 68 ราย

“เรียกว่าเป็นวัยสังคม เป็นวัยที่พบปะผู้คน แล้วกลับมาบ้านก็มาติดกันในบ้านอะไรต่าง ๆ” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

โดยผู้ป่วยส่วนกลุ่มนี้นั้นมักเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทั้งพนักงานในสถานบันเทิง โรงแรม ร้านอาหาร ร้านนวด ขับรดโดยสาร รวมถึงพนักงานบริษัท ในช่วงแรกระหว่าง ม.ค. – 14 มี.ค. นั้นพบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนใหญ่จากการเดินทางกลับจากต่างประเทศ กว่า 36% ซึ่งขณะนั้นเป็นชาวต่างชาติ รองลงมาคือ พบการติดเชื้อ 20 % ที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง  และ 16 % ติดเชื้อจากการทำอาชีพเสี่ยง หรือสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า

ต่างกับช่วงหลัง 15 มี.ค. ลักษณะการติดเชื้อเปลี่ยนมาพบการติดจาก “ผู้ใกล้ชิด” กว่า 50 % ติดภายในครอบครัว รองลงมาคือ สถานที่ทำงาน และกลุ่มเพื่อน ส่วนการติดเชื้อจากการเดินทางกลับจากต่างประเทศนั้นลดลง ท้ายสุดจากมาจากเหตุของสถานบันเทิง

ข้อมูลทั้งหมดนี้ นพ.ทวีศิลป์ ชี้ว่าจะมีผลกับการพิจารณามาตรการที่จะบังคับใช้ต่อไป เพราะเมื่อดูอัตราการป่วยช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น พบการป่วยกว่าในช่วงวัยนี้กว่า 53 % ของผู้ป่วยทั้งหมด โดยส่วนใหญ่ติดเชื้อภายใครอบครัว และที่ทำงาน

กรณีคนไทยที่อยู่ในมาเลเซีย และแจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศนั้น โฆษก ศบค. กล่าวว่าในแต่ละวันรัฐสามารถรองรับได้ประมาณ 350 คนผ่านด่านต่าง ๆ ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 18-30 เม.ย. นั้นมีการลงทะเบียนกว่า 2,548 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการจัดระเบียบและจำกัดผู้ที่เดินทางเข้ามาในแต่ละวันให้เหมาะสมกับความสามารถในการรองรับ เช่นเดียวกันยังมีผู้แจ้งความประสงค์เดินทางผ่านด่านอื่น ๆ ทั่วประเทศ กว่า 3,211 คน

นพ.ทวีศิลป์ อธิบายว่า การประกาศพรก.ฉุกเฉิน ฉบับแรกนั้นจะสิ้นสุดในสิ้นเดือนนี้ แต่ยังคงต้องมีการพิจารณาว่าต้องขยายระยะเวลาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของประชาชน และย้ำ “New Normal” หรือชุดพฤติกรรมใหม่ ทั้งใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ และการเว้นระยะห่างทางสังคมที่ต้องทำให้เป็นกิจวัตร

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า