สถานการณ์เริ่มทรงตัว ไทยพบติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ 27 ราย รักษาหาย 1,999 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต

ศบค.เผยไทยติดเชื้อโควิดเพิ่ม 27 ราย หายป่วยรวม 1,999 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม  ย้ำ พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังเป็นเรื่องจำเป็น ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดศึกษาแนวทางเทียบเคียงต่างประเทศ

วันที่ 20 เม.ย. 63 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวัน พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 27 ราย รวมผู้ติดเชื้อทั้งหมด 2,792 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 746 ราย เสียชีวิตเดิม 47 ราย รักษาหายเพิ่ม 71 ราย รวมรักษาหายเเล้ว 1,999 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้ป่วยใหม่ 27 รายที่เพิ่มขึ้นวันนี้มาจากการสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้า 16 คน, ไปสถานที่ชุมนุมชน 2 คน, รอสอบสวนโรค 8 คน และเข้า State Quarantines กระบี่ 1 คน นอกจากนี้พบว่า 35 จังหวัด ไม่มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่ในช่วง 14 วันขึ้นไป เตือนกลุ่มผู้เดินตลาดนัดที่เพิ่มขึ้นต้องควบคุมให้ดี ไม่เช่นนั้นจะเป็นการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนใหม่  กลุ่มจังหวัดผู้ป่วยมากที่สุดในแต่ละจังหวัดยังคงใกล้เคียงเดิม และมี 9 จังหวัดที่ไม่พบผู้ป่วย ขณะที่จังหวัดที่ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ในรอบ 14 วัน มีทั้งหมด 35 จังหวัด อย่างไรก็ตาม กทม. และ นนทบุรียังมีอัตราที่สูงอยู่

โฆษก ศบค. กล่าวถึงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่เกี่ยวกับเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ว่ายังมีความจำเป็นอยู่ แต่ก็ได้หารือถึงแนวทางผ่อนคลายว่าจะต้องมีมาตรการใดบ้างในแต่ละกลุ่ม เช่น สนามกีฬา ตลาดสด จะต้องมีแนวทางมาตรการในการดูแลความปลอดภัยด้วย โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปศึกษาแนวทางของจังหวัดที่ไม่มีการติดเชื้อ ให้ศึกษาวิธีการผ่อนคลายของต่างประเทศมาปรับใช้โดยเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก ควบคู่กับการผ่อนคลาย

[คำถามที่น่าสนใจจากสื่อมวลชน]
.
1. ตัวเลขน้อยเพราะตรวจน้อยใช้ไหม
– สธ.ตรวจไปแล้ว 142,589 ตัวอย่าง ภาคเอกชนมีส่วนร่วมมาก สัปดาห์ที่ผ่านมาตรวจไป 21,715 ตัวอย่าง เฉลี่ยวันละ 3,000 เคส ตรวจเยอะตรวจน้อยผลออกมาเฉลี่ยพบผู้ติดเชื้อ ร้อยละ 1.41 สธ.ไม่ต้องการให้ใครติดเชื้อ แต่ก็ไม่สามารถหว่านตรวจให้ทุกคนได้ เพราะการตรวจแต่ละครั้งมีเรื่องอื่นเข้ามาประกอบด้วยทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องชุด และอื่นๆ ล่าสุดมีการตรวจรูปแบบใหม่โดยใช้วิธีการตรวจน้ำลาย ตรงนี้ทำได้ง่ายกว่าอยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อให้การตรวจได้กว้างขึ้น
.
2. ยอดติดเชื้อน้อยลงคนเริ่มออกมาใช้ชีวิตตามปกติด เสี่ยงหรือไม่
– เสี่ยงแน่นอน เพราะเชื้อโรคยังอยู่รอบตัวเรา อยู่ในคนที่เรารู้จักซึ่งอาจไม่แสดงอาการ ไทยทำการป้องกันตัวเองไม่ให้เชื้อโรคเข้าประเทศ แต่ประเทศอื่นเค้าอาจจะไม่เชื่อปล่อยอิสระเสรีจึงเกิดการแพร่ระบาด เราต้องชั่งน้ำหนักในเรื่องนี้ เราต้องทำให้มั่นใจว่าจะไม่เป็นผู้นำเชื้อเข้าบ้าน นำเชื้อไปให้คนที่เรารัก การออกไปข้างนอกพร้อมกันยังเสี่ยง ขอให้ใช้หลักการหมุนเวียนกัน เพราะเราต้องอยู่กับเชื้อโรคอีกนาน
.
3. มีข่าวตำรวจจะเอาผิดคนใจบุญไปบริจาคสิ่งของ เป็นไปได้หรือไม่ถ้าจะเปลี่ยนจากการจับไปเป็นการอำนวยความสะดวก
– หากต้องการแจกข้าวหรือเครื่องอุปโภคบริโภคต้องประสานเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยในการจัดระเบียบ ระบบที่ดี ช่วยและต้องปลอดโรค เชื่อว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำได้โดยการประสานความร่วมมือกัน
.
4. มีการปล่อยข่าวปลอมจะแจกสิ่งของ แจกเงิน ทำให้คนไปรอจำนวนมากเสี่ยงติดโรค
– คนปล่อยข่าวได้ประโยชน์อะไร ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทุกคนเดือดร้อน หากติดโรคขึ้นมาจะสร้างความลำบาก หากมีการรวมกลุ่มมากเราจะควบคุมโรคไม่ได้ เตียงไม่พอ ยาไม่พอ ขอความร่วมมืออย่าปล่อยข่าวลือ ขอความร่วมมือทุกท่านหากต้องการบริจาคให้ติดต่อไปในพื้นที่ก่อน หากมีการปล่อยข่าวปลอมจะถูกดำเนินคดี