SHARE

คัดลอกแล้ว

วันที่ 21 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าเรื่องมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ขณะนี้กฎหมายสำคัญที่ประกาศใช้แล้ว คือ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคม 1 ล้านล้านบาท มีการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดกรองโครงการ โดยมีทั้งส่วนราชการและผู้ทรงคุณวุฒิ และมีการหารือระเบียบปฏิบัติในการใช้เงินให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รอบคอบ ร่วมกันตรวจสอบ
.
วันนี้ ครม.เห็นชอบระเบียบต่างๆ แล้ว ขั้นตอนจากนี้คือการที่กระทรวงต่างๆ นำเสนอแผนงานโครงการให้เร็วที่สุด ให้ทันต่อสถานการณ์ทั้งมาตรการเรื่องสาธารณสุข และการเยียวยาต่างๆ ทั้งนี้ได้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกภาคส่วนอย่างรอบด้าน


นอกจากนี้ ยังมี พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ.2563 ให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับกระทรวงการคลัง ร่วมกันจัดตั้งกองทุน รักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ วงเงิน 4 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 พ.ศ.2563 โดย ธปท. มีอำนาจให้กู้ยืมเงินแก่สถาบันการเงิน วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งตนได้สั่งการให้กระทรวงการคลังหารือกับ ธปท.ดำเนินการด้วยความละเอียดรอบคอบรับข้อสังเกต ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน รวมทั้งผู้มีประสบการณ์ มาประกอบในการทำงาน


ส่วนการส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังมหาเศรษฐีนั้น เพื่อรับทราบการดำเนินการช่วยเหลือบุคลากรในธุรกิจแต่ละราย ว่าช่วยเสริมมาตรการรัฐบาลที่ออกไปแล้วอย่างไร เพื่อให้เกิดการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่กว้างขวางขึ้น ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะไปกู้เงินหรือจะไปยืมเงืนเขา รัฐบาลมีเงินแยู่แล้ว ส่วนที่ทั้ง 20 ท่านทำอยู่แล้วต้องขอขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ ยังย้ำว่า การส่งจดหมายเป็นไปโดยเปิดเผย ที่เจาะจง 20 มหาเศรษฐีเพราะในห่วงโซ่ธุรกิจมีคนอยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงประชาชน เป็นการสอดประสานการทำงาน ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น และยินดีรับฟังจากภาคส่วนอื่นๆ นอกจาก 20 ท่าน “ในเอกสารระบุชัดเจนว่าไม่รับเงินบริจาคใดๆ ทั้งสิ้นขออย่าไปบิดเบือนกัน”
.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ถึงการดูแลประชาชนว่า รัฐบาลมีวัตถุประสงค์จะดูแลประชาชนให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตินี้ให้ได้ โดยสิ่งสำคัญคือ ประชาชนต้องดำรงชีวิตอย่างพอเพียงในช่วงนี้ ซึ่งตนก็เห็นใจ รัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ อย่างครอบคลุม ขออย่ามองแค่เงิน และมองว่าน้อยเกินไป
.
“หลายอย่างหลายมาตรการได้มีการผ่อนคลาย มีการยืดระยะเวลา มีการให้กู้เงินอะไรต่างๆ เหล่านี้ ก็แทบจะครอบคลุมอยู่แล้วล่ะ ไม่อยากให้มองแต่ในแง่ของเงินเยียวยาอย่างเดียว ต้องติดตามอย่างอื่นด้วยสิครับว่ารัฐบาลดูแลอะไรท่านไปแล้วบ้าง หลายกระทรวง หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้งบประมาณปกติก็มีอยู่แล้ว อย่ามามองว่าแค่นี้มันน้อยเกินไปหรือเปล่า ต้องเห็นใจด้วยว่า เรามีเงินเท่าไร เรากู้เงินมาได้เท่าไร เราใช้อย่างไร ภาระวันหน้ามันมันจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ถ้าเทียบกับตอนนี้ เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องคิดอย่างรอบคอบ”
.
ทั้งนี้ มีรายงานว่าที่ประชุม ครม. ได้ขยายจำนวนผู้ได้รับเงินช่วยเหลือ ในโครงการเราไม่ทิ้งกัน เดือนละ 5 พันบาท 3 เดือน จาก 9 ล้านคนเป็น 14 ล้านคน ใช้วงเงิน 2.1 แสนล้านบาท

ยังไม่ตัดสินใจปลดล็อก 1 พ.ค. ตามข่าว 

ส่วนเรื่องการตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการหรือการปลดล็อก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์หลายอย่างดีขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงตามลำดับแต่ต้องดูต่อเพื่อดำเนินการระยะต่อไป อย่าเพิ่งผลีผลาม หลายคนเรียกร้องให้ปลดล็อก แต่ก็ต้องฟังข้อมูล ด้านการสาธารณสุข การแพทย์ และต้องดูว่ามีมาตรการรองรับเพียงพอหรือไม่
.
ตนไม่ต้องการให้การตัดสินใจมาจากแรงกกดดันหลายอย่าง แต่ต้องการให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากกฎอยู่ หากปลดอะไรเร็วและเกิดการแพร่ระบาดขึ้นสิ่งที่ทำมาทั้งหมดด้วยเวลาพอสมควรต้องล้มเหลวทั้งหมดจะทำอย่างไร นี่เป็นสิ่งที่ตนต้องดูแลเป็นพิเศษ


การพิจารณาเรื่องการประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปหรือไม่จากเดิมที่จะสิ้นสุด 30 เม.ย. จะมีการพิจารณาอีกครั้งในการประชุม ครม.วันอังคารหน้า ซึ่งการจะดำเนินการต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือ ขึ้นอยู่กับสถิติต่างๆ ด้านการสาธารณสุขเป็นตัวชี้วัด
.
ส่วนการผ่อนปรนมาตรการ วันนี้ได้ดูแลให้ใช้ดุลพินิจเรื่องการขนส่งสินค้าของภาคประชาชนตามที่มีข้อร้องเรียนมา ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานความมั่นคงไปดูแลเรื่องนี้ ซึ่งมีข้อผ่อนปรนอยู่แล้วแต่อาจจะยังไม่ทั่วถึงและเข้าใจไม่ตรงกัน ขอให้หน่วยงานในพื้นที่พิจารณาด้วย
.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำด้วยว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลงและรักษาหายมากขึ้น เกิดจากทุกคนร่วมมือกันไม่ใช่รัฐอย่างเดียว ถ้าร่วมมือมากลดได้มาก การผ่อนปรนก็มากขึ้นในอนาคต ยืนยันไม่ได้พูดว่าจะผ่อนปรนในวันที่ 1 พ.ค. เพราะยังต้องดูสถิติให้รอบคอบ


ส่วนการผ่อนปรนที่จะเกิดขึ้นต่อไปผู้ประกอบการต้องเสนอมาตรการมาด้วย เช่น เตรียมการด้านสถานที่ เจ้าหน้าที่ต้องมีความปลอดภัย มีการตรวจโรค มีมาตรการเว้นระยะห่าง การกันพื้นที่ และการเปิดต้องทยอยเปิดบางส่วนก่อนแต่ยังไม่บอกว่าเมื่อไรให้ไปเตรียมพร้อมเสนอมา บางอย่างพิจารณาแล้วไม่เหมาะก็ยังไม่เปิด
.
“ทราบดีว่าทุกคนเดือดร้อน แต่สิ่งที่เดือดร้อนมากกว่านั้นคือสุขภาพ ถ้าทำเร็วเกินไปโดยมีแรงกดดันสูง โดยไม่ใช่สาระสำคัญมาก แต่เป็นการระดมให้ประชาชนวิตกกังวล หรือไม่สงบเรียบร้อย สิ่งที่ทำมาทั้งหมดสูญเสียทั้งหมดเป็นศูนย์ทันทีแล้วเรียกกลับมาไม่ได้ รัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีจึงต้องตรวจสอบให้มีความชัดเจน จึงจะมีมาตรการออกมาได้ ขอให้รับทราบด้วย”

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า