แรงงานหนีกลับจากมาเลย์ผ่านช่องทางธรรมชาติต่อเนื่อง เผยถูกเลิกจ้างไร้เงิน

จากกรณีที่รัฐบาลมาเลเซียขยายเวลาบังคับใช้มาตราการควบคุมโควิด-19 ต่ออีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ถึงวันที่ 12 พ.ค.นี้ ส่งผลกระทบต่อแรงงานไทยที่เดินทางข้ามแดนไปทำงานในมาเลเซีย ทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย เพราะเจ้าของธุรกิจมีรายได้ลดลงหรือต้องหยุดกิจการทำให้ต้องเลิกจ้างแรงงานไทย ส่งผลให้แรงงานต้องการกลับประเทศ ขณะที่กระบวนการในการคัดกรองที่ด่านมีการกำหนดขั้นตอน เอกสาร และจำนวนคน เพื่อการดูแลควบคุมโรค ทำให้แรงงานจำนวนไม่น้อยพยายามหลบหนีเข้าเมืองตามเส้นทางธรรมชาติแทน

วันที่ 26 เม.ย. พ.อ.เอกพล เลขนอก ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 (ผบ.ฉก.48) ได้สั่งการให้ ร.ท.จิรัฎฐ์ บูรณัติ รองผบ.ร้อย ทพ.เชิงรุก ฉก.ทพ. 48 นำกำลังเจ้าหน้าที่ 3 ชุดปฏิบัติการณ์ เดินลาดตระเวนและซุ่มเฝ้าตรวจบริเวณชุมชนบือเร็ง ริมแม่น้ำสุไหงโก-ลก แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร หลังทราบเบาะแสมีแรงงานไทยที่ตกค้างอยู่ในรัฐต่างๆ ของประเทศมาเลเซียจำนวนมาก จะเดินทางข้ามช่องทางข้ามธรรมชาติเพื่อเข้ามายังฝั่งประเทศไทย

ขณะลาดตระเวนพบแรงงานไทยพยายามเดินข้ามแม่น้ำ จึงได้จับกุมทั้งหมด 25 คน นำไปยังจุดคัดกรองด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก เพื่อเปรียบเทียบปรับคนละ 800 บาท ก่อนจะประสานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่คนไทยกลุ่มนี้อาศัยอยู่ มารับตัวที่ด่านพรมแดน อ.สุไหงโก-ลก
.
โดยแต่ละจังหวัดจะนำแรงงานเหล่านี้ไปกักตัวเพื่อดูอาการ 14 วัน ตามศูนย์ Local Quarantine เพื่อควบคุมโรคระบาดต่อไป ซึ่งทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีหลบหนีเข้าเมือง
.
ทั้งนี้ ระหว่างจับกุมเจ้าหน้าที่ได้นำข้าวและน้ำที่เตรียมมาให้แรงงานไทยกินเพื่อคลายหิวระหว่างรอการดำเนินการตามขั้นตอน

ด้านหนึ่งในในแรงงานไทยที่ไปทำงาน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า ตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้กินข้าวเพิ่งจะมีโอกาสได้กินข้าวมื้อแรกหิวมากเพราะว่าออกมาจากกัวลาลัมเปอร์ตั้งแต่คืนวานนี้ 25 เม.ย. แล้วก็ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีเงินติดตัวเลย ดีใจที่ได้กลับมาบ้าน ดีใจมากๆ