ยอดป่วยโควิดไทยต่ำสิบต่อเนื่อง วันนี้ป่วยเพิ่ม 6 รายไม่มีผู้เสียชีวิต เหลือรักษาใน รพ.180 ราย

ศบค.แถลงความคืนหน้าสถานการณ์โควิด-19 ไทยต่ำสิบ 6 วันติด พบผู้ป่วยใหม่ 6 ราย รวมสะสม 2,966 ราย ไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต ย้ำหากไม่พบผู้ป่วยเพิ่มจะเร่งขยายมาตรการผ่อนปรนให้ครบ 4 ระยะ

วันที่ 2 พ.ค.2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 2 พฤษภาคม 2563 ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 6 คน รวมผู้ป่วยสะสม 2,966 คน รักษาหายแล้ว 2,732 คน (เพิ่ม 13 คน) กำลังรักษาอยู่ รพ. 180 คน ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ยอดรวมผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 54 คน

รายละเอียดผู้ป่วยรายใหม่ 6 คน สัมผัสใกล้ชิดกับู้ป่วยก่อนหน้า 2 คน เป็นหญิงชาวจ.ภูเก็ต และชายกรุงเทพฯ จากการตรวจเชิงรุก (Active Case Finding) ที่จ.ภูเก็ต ผู้ป่วยที่เดินทางจากต่างประเทศ และเข้าState Quaratine 2 คน เป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากญี่ปุ่น และนักบวชที่กลับมาจากอินเดีย โดยการกระจายตัวของโรคในรอบ 28 วันนั้น มีการกระจายตัวใน 39 จังหวัด โดยกรุงเทพฯยังมีผู้ป่วยสะสมสมากที่ 1,524 คน ขณะที่ภูเก็ตยังคงมีอัตรการป่วยต่อแสนประชากรสูงที่สุด

กรุงเทพมหานคร มีผู้ป่วยที่รับรักษาสะสมมากที่สุด (1,524 ราย) ตามด้วย ภูเก็ต (220), นนทบุรี (157), ยะลา (118), สมุทรปราการ (114), ชลบุรี (87), ปัตตานี (79), สงขลา (44), เชียงใหม่ (40) , ปทุมธานี (39) , นราธิวาส (28) และนครปฐม (22) โดยมีผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระหว่าง state quarantine ในจังหวัดต่างๆ 83 ราย

ทั้งนี้มี 9 จังหวัดที่ไม่มีรายงานการรับรักษาผู้ป่วย ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี อ่างทอง (และสตูล ซึ่งรับผู้ติดเชื้อใน State quarantine) และมีอีก 29 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อในช่วง 28 วันที่ผ่านมา

ข้อกำหนดการผ่อนปรน 

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า หลังมีการประกาศคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปอีก 1 เดือน และมีการประกาศข้อกำหนดในราชกิจจานุเบกษา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังคงเน้นย้ำ “มาตรฐานกลาง” ที่เป็นแนวปฏิบัติให้แต่ละจังหวัดสามารถกำหนดระเบียบในพื้นที่ได้ โดยเข้มข้นมากกว่าได้แต่ต่ำกว่าไม่ได้ โดยข้อกำหนดที่ออกมาตามประกาศของราชกิจจานุเบกษาเมื่อวานนี้ (2 เม.ย.)นั้น จะประกอบด้วยกิจกรรม /2 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ และการดำเนินชีวิต เพื่อให้ประชาชนสามารถปรับตัวในการใช้ชีวิติต่อไป

ขณะที่ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า แม้จะมีการผ่อนปรนมาตรการแต่ยังคงยึดหลักความปลอดภัยด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้บริการอุปโภาค บริโภคที่จำเป็นได้ โดยมีรายละเอียดการผ่อนคลายเบื้องต้น ดังนี้

1. โรงแรม สนามบิน สถานีรถไฟขนส่ง โรงพยาบาล ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ รถเข็น หาบเร่ แพงลอย สามารถเปิดให้บริการโดยให้นำกลับบ้าน และต้องจัดระเบียบ และการขายสุราได้เฉพาะให้นำกลับบ้าน

2. ห้างสพรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ จะเปิดให้บริการเฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา สินค้าเบ็เตล็ด ร้านโทรศัพท์ ธนาคาร ที่ทำการรัฐ โดยร้านอาหารต้องเป็นการสั่งเพื่อนำกลับบ้านเท่านั้น

3. ร้านค้าปลีก ส่ง ตลาด ตลาดน้ำ ตลาดนัด จะมีการควบคุมการเข้าออก วัดอุณหภูมิ เว้นระยะห่าง

4. ร้านเสิรมสวย แต่งผม ตัดผม จะให้บริการเฉพาะสระ ตัด ซิย แต่งผม โดยไม่มีผู้นั่งรอในร้าน

เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า มาตรการต่าง ๆ ที่ประกาศมานั้นแต่ละท้องที่สามารถออกข้อกำหนดในรายละเอียดที่เข้มงวดดว่านี้ได้ตามที่เห็นเหมาะสม โดยเบื้องต้นต้องมีบริการเจลล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ และเว้นระยะห่างทางสังคม สำหรับการผ่อนคลายกิจกรรมด้านการออกกำลังกายหรือดูแลสุขภาพนั้น สถานที่อนุญาติให้เปิดได้ คือ โรงพยาบาล สถานทันตกรรม สถานพยาบาลทุกประเภท แต่กรณีสนามกอลฟ์นั้นต้องไม่มีผู็ชม และห้ามทำการแข่งขันใด ๆ เช่นเดียวกับสนามกลางแจ้ง เช่น เทนนิส ขี่ม้า ยิงธนู ยิงปืน การทำกิจกรรมต้องเว้นระยะห่างกัน ส่วนพื้นที่สวนสาธารณะ ลานกีฬา สถานที่ออกกำลังนั้นจะเปิดได้เฉพาะพื้นที่โล่งแจ้ง โดยต้องไม่มีผู้ชม หรือการแสดง อีกพื้นที่ที่อนุญาติให้เปิดได้ คือ สถานที่ให้บริการดูแลสัตว์

พลเอกสมศักดิ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า แต่ละกิจกรรมที่ไม่ได้ลงรายละเอียดนั้น ให้พิจารณาเบื้องต้นหากเป็นพื้นที่โล่ง อากาศถ่ายเทสามารถทำได้ แต่ยังคงต้องคำนึงถึงการเว้นระยะห่าง เช่น กิจกรรมรำไทเก็ก โดยทั้งหมดต้องมีการกำหนดทางเข้าออก จำกัดผู้ใช้บริการ เป็นต้น ภายใต้มาตรการผ่อนคล่ยเหล่านี้ย้ำว่ามาตรการบังคับปกติที่ประกาศไปก่อนหน้าก็ยังมีผลบังคับอยู่ ทั้งการห้ามออกนอกเคหะสถานในเวลา 22.00 น.- 04.00 น. การจำกัดการเคลื่อนย้านของผู้คนข้ามจังหวัด ร่วมถึงมาตรการพื้นที่ของการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยภายหลังการประเมินแล้วว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ก็จะพิจารณาการผ่อนปรมาตรการในระดับต่อ ๆ ไป