ศบค.สมช.นำร่องกิจการ-กิจกรรมเริ่มผ่อนปรนพรุ่งนี้ (3 พ.ค.)

สมช. นำร่องกิจการกิจกรรมผ่อนปรน 3 พ.ค. 63 แจงร้านตัดผมให้ ตัด-สระ-ไดร์ เท่านั้น ส่วนสถานพยาบาลถูกต้องตามกฎหมาย ไม่รวมถึงสถานเสริมความงาม ที่มีผลต่อสุขภาพประชาชน ย้ำประเมินผลการผ่อนปรนทุก 14 วัน

วันที่ 2 พ.ค.2563 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในการสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ถึงกรณีการคลายล็อกเพื่อให้ 6 ประเภทกิจการและกิจกรรมเดินหน้าต่อได้และเริ่มวันที่ 3 พ.ค.นี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้มีมาตรฐานกลางในกิจกรรมที่ผ่อนปรน และกำชับให้ควบคุม 3 ระดับจากส่วนกลางคือ ศบค. ระดับการประเมิน และในระดับพื้นที่ต้องมีแนวปฎิบัติที่ชัดเจน กิจกรรมผ่อนปรนที่ออกมาในราชกิจจานุเษกษา เน้นการดำเนินชีวิตและด้านเศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาชนผ่อนคลาย โดยนายกรัฐมนตรี กำชับให้คณะทำงานที่ตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลผลกระทบในด้านต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบ COVID-19 และกำชับปลัดกระทรวง เยียวยาด้วยการจ้างงาน รวมทั้งให้ดูแลกลุ่มคนไร้บ้าน ตกงานให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้ามาดูแล

ด้าน พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) อธิบายว่า มาตรการที่ออกมาภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ละการประกาศเคอร์ฟิว ยังมีผลบังคับใช้ต่อไปอีก 1 เดือน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบกับการดำเนินชีวิต และด้านเศรษฐกิจ แม้จะมีการผ่อนปรนมาตรการ แต่ยังคงยึดหลักความปลอดภัยด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้บริการอุปโภค บริโภคที่จำเป็นได้ โดยมีรายละเอียดการผ่อนคลายเบื้องต้น ด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต เริ่ม 3 พ.ค.2563 ได้แก่

1. โรงแรม สนามบิน สถานีรถไฟขนส่ง โรงพยาบาล ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ รถเข็น หาบเร่ แพงลอย สามารถเปิดให้บริการโดยให้นำกลับบ้าน และต้องจัดระเบียบ และการขายสุราได้เฉพาะให้นำกลับบ้าน
2. ห้างสพรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ จะเปิดให้บริการเฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา สินค้าเบ็ดเตล็ด ร้านโทรศัพท์ ธนาคาร ที่ทำการรัฐ โดยร้านอาหารต้องเป็นการสั่งเพื่อนำกลับบ้านเท่านั้น
3. ร้านค้าปลีก ส่ง ตลาด ตลาดน้ำ ตลาดนัด จะมีการควบคุมการเข้าออก วัดอุณหภูมิ เว้นระยะห่าง
4. ร้านเสิรมสวย แต่งผม ตัดผม จะให้บริการเฉพาะสระ ตัด ซอย แต่งผม โดยไม่มีผู้นั่งรอในร้าน

พล.อ.สมศักดิ์ ย้ำว่า มาตรการต่าง ๆ ที่ประกาศมานั้นแต่ละท้องที่สามารถออกข้อกำหนดในรายละเอียดที่เข้มงวดดว่านี้ได้ตามที่เห็นเหมาะสม โดยเบื้องต้นต้องมีบริการเจลล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ และเว้นระยะห่างทางสังคม

สำหรับการผ่อนคลายกิจกรรมด้านการออกกำลังกายหรือดูแลสุขภาพนั้น สถานที่อนุญาติให้เปิดได้ คือ โรงพยาบาล สถานทันตกรรม สถานพยาบาลทุกประเภท แต่กรณีสนามกอลฟ์นั้นต้องไม่มีผู้ชม และห้ามทำการแข่งขันใด ๆ เช่นเดียวกับสนามกลางแจ้ง เช่น เทนนิส ขี่ม้า ยิงธนู ยิงปืน การทำกิจกรรมต้องเว้นระยะห่างกัน ส่วนพื้นที่สวนสาธารณะ ลานกีฬา สถานที่ออกกำลังนั้นจะเปิดได้เฉพาะพื้นที่โล่งแจ้ง โดยต้องไม่มีผู้ชม หรือการแสดง อีกพื้นที่ที่อนุญาติให้เปิดได้ คือ สถานที่ให้บริการดูแลสัตว์

ทั้งนี้ แต่ละกิจกรรมที่ไม่ได้ลงรายละเอียดนั้นให้พิจารณาเบื้องต้นหากเป็นพื้นที่โล่ง อากาศถ่ายเทสามารถทำได้ แต่ยังคงต้องคำนึงถึงการเว้นระยะห่าง เช่น กิจกรรมรำไทเก็ก โดยทั้งหมดต้องมีการกำหนดทางเข้าออก จำกัดผู้ใช้บริการ เป็นต้น มาตรการบังคับปกติที่ประกาศไปก่อนหน้าก็ยังมีผลบังคับอยู่ ทั้งการห้ามออกนอกเคหะสถานในเวลา 22.00 น.-04.00 น. การจำกัดการเคลื่อนย้ายของผู้คนข้ามจังหวัด ร่วมถึงมาตรการพื้นที่ของการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยภายหลังการประเมินแล้วว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ก็จะพิจารณาการผ่อนปรนมาตรการในระดับต่อ ๆ ไป

กรณีข้อสงสัยว่าสถานเสริมความงามสามารถเปิดให้บริการได้หรือไม่นั้น
พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นยังคงอยู่ในการประเมินว่าจะถูกจัดลำกับไปอยู่ในการผ่อนปรนลำดับที่ 2 และ 3 หรือไม่ แต่เบื้องต้นวันที่ 3 พ.ค. ยังคงไม่อนุญาติให้เปิดให้บริการ โดยทั้งหมดต้องอยู่บนพื้นฐานวิธีคิดที่ว่าจำเป็นต้องใช้เวลาในการทำกิจกรรมเหล่านั้น ซึ่งมีความเสี่ยงในการติดโรค

“สถานพยาบาลเป็นผลต่อชีวิตประจำวัน ชีวิตความเป็นอยู่ สุขภาพของเรา เรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตโดยปกติสุขก็ไม่น่าจะอนุญาติ” พล.อ.สมศักดิ์ กล่าว

ส่วนประเด็นการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น นับตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.นี้ สถานที่หรือร้านค้าที่ได้รับอนุญาติให้ขายได้แต่แรกก็เปิดขายได้ แต่ยังคงเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะตัดสินใจในพื้นที่ หากเห็นว่าประชาชนมีการะเมิด จนกิจกรรมเหล่านี้ส่งผลกับการติดเชื้อในพื้นที่ก็สามารถสั่งปิดในภายหลังได้ การซื้อกลับบ้านแล้วสิ่งที่ประชาชนต้องคำนึง คือ การมั่วสุม แม้จะเป็นพื้นที่ของตนเอง เจ้าหน้าที่ก็ยังมีสิทธิในการตักเตือน และอาจผิดข้อกฎหมายบางส่วนประชาชนต้องคำนึงถึงข้อปฏิบัติเหล่านี้ด้วย