สถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ไทยดีขึ้นต่อเนื่อง วันนี้พบผู้ติดเชื้อใหม่เพียง 3 ราย รักษาหายเพิ่ม 11 ราย ยังเหลือผู้ป่วย 165 ราย ศบค.เผยไลน์มาตรการผ่อนปรน ระยะที่ 2 ย้ำขอให้ทุกคนช่วยกัน หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 17 พ.ค.นี้รู้ผลผ่อนปรนระยะ 2
วันที่ 7 พ.ค.2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 พบว่า มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 3 ราย และไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม มีผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 2,772 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 165 ราย เสียชีวิตรวม 55 ราย รวมมีผู้ป่วยสะสม 2,992 ราย
สำหรับรายละเอียดผู้ป่วยรายใหม่ที่พบ 3 รายวันนี้ อยู่ในกลุ่มการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 1 ราย เป็นเพศหญิงอายุ 59 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดยะลา มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันจากมาเลเซีย และเป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantine 2 ราย แบ่งเป็น เพศชาย อายุ 46 ปี และ 51 ปี มีประวัติเดินทางมาจากประเทศคาซัคสถาน และระหว่างเข้ารับการกักตัว ได้ตรวจพบเชื้อโควิด-19 จากแนวทางการคัดกรองผู้ที่มาจากต่างประเทศ
ไทม์ไลน์มาตรการผ่อนปรน ระยะที่ 2
นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยถึงระยะเวลาการพิจารณามาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 หลังจากได้มีมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 1 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมาโดยส่วนที่จะพิจารณาให้เปิดในระยะที่ 2 โดยจะมีการแบ่งระยะเวลา ดังนี้
วันที่ 8-12 พ.ค.63 จะมีการรับฟังความคิดเห็น ประเมินสถานการณ์
วันที่ 13 พ.ค.63 ซักซ้อมความเข้าใจ
วันที่ 14 พ.ค.63 ยกร่างมาตรการผ่อนปรน
วันที่ 17 พ.ค.63 ผ่อนปรนระยะที่ 2 ทั้งนี้หากไม่มีสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
โฆษก ศบค. กล่าวว่า วันที่ 17 พ.ค. จะเริ่มมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 ไม่เพียงแค่ห้างสรรพสินค้า หากผู้ประกอบการมีมาตรการที่ดี มีความพร้อม ร่วมกลุ่มกันหรือเป็นสมาคมหรือองค์กร เพื่อจัดทำมาตรการรวมถึงการตรวจสอบกันและกัน ถือเป็นการทำงานร่วมกันของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคประชาสังคมและภาคประชาชนต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดขึ้น เพื่อให้สามารถผ่านมาตรการผ่อนปรนในระยะแรก และสามารถเริ่มการผ่อนปรนมาตรการในระยะ 2 ได้
นพ.ทวีศิลป์ ตอบข้อซักถามกรณีหลายประเทศในขณะนี้ อาทิ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เริ่มเปิดประเทศและมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แม้ยังมีอัตราการแพร่ระบาดในประเทศสูงอยู่ อาจต้องมีการติดต่อเดินทางเข้า-ออกในประเทศไทยนั้นโดยชี้แจงว่า ยังไม่ได้มีการหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมค้ากับสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีมาตรการควบคุมการเข้าประเทศ ตั้งแต่การขออนุญาต Fit To Fly ใบรับรองแพทย์ การลงทะเบียนต่างๆ รวมถึงข้อกำหนดอีกหลายประการที่มีความเข้มงวด โดยเฉพาะประเทศที่มีการติดเชื้อรุนแรง นอกจากนี้ การติดเชื้อส่วนใหญ่มาจากการนำเข้าทั้งสิ้น ฉะนั้นความเข้มงวดของระบบการตรวจคนเข้าเมืองจึงมีความสำคัญมาก และยังคงเป็นระบบที่มีความจำเป็นต้องตรึงความเข้มงวดไว้อยู่ ถ้าหากยังไม่สามารถควบคุมได้ดี จะไม่ให้มีการนำเข้าอย่างแน่นอน
ในตอนท้าย โฆษก ศบค. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการทำงานของศบค. นายกรัฐมนตรีในฐานะผอ. ศบค. ทำงานภาพรวมในวงกว้าง ด้วยความร่วมมือกันของภาคส่วนราชการ ผู้บริหารฝ่ายการเมือง ภาคธุรกิจ คณะที่ปรึกษา ซึ่งทุกภาคส่วนล้วนแต่มีความสำคัญทั้งสิ้น และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน