จากกรณีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้โรงแรมบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ต้องปิดกิจการตามคำสั่งของรัฐบาล แต่ผู้ประกอบการยังมีภาระต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ จนมีข่าวว่า เจ้าของโรงแรมและที่พักเกือบหนึ่งร้อยแห่งไปต่อไม่ไหวประกาศขายธุรกิจตัวเอง
วันที่ 5 มิ.ย. นายวรสิทธิ์ ผ่องคำพันธุ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย กล่าวว่า เรื่องการขาดสภาพคล่องของเจ้าของธุรกิจโรงแรมบนเกาะสมุย เริ่มตั้งแต่ปลายปี 2562 ก่อนมาดีขึ้นช่วงเดือน ม.ค. แต่พอเข้าเดือน ก.พ. ก็เริ่มเกิดปัญหาโควิด-19 ระบาด เพราะฉะนั้นผลประกอบการของผู้ประกอบการโรงแรมบนเกาะสมุยไม่ได้ดีอย่างที่หลายฝ่ายคิด
สภาพคล่องของแต่ละโรงแรมเป็นสิ่งสำคัญ บางโรงแรมมีลูกหนี้แต่ลูกหนี้ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ที่ส่งนักท่องเที่ยวมาพักยังไม่ได้จ่ายค่าห้องพักตามที่ได้ตกลงกัน บางแห่งมียอดค้างชำระ 6-7 เดือน จึงเป็นที่มาของการขาดสภาพคล่อง
การสั่งปิดโรงแรมตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. จนถึงปัจจุบันซึ่งใกล้จะครบสามเดือน จากนี้จะมีปัญหาเพราะประกันสังคมจะจ่ายเยียวยาพนักงานแค่สามเดือน ส่งผลให้ในเดือน ก.ค.ที่จะถึงภาระทั้งหมดจะตกมายังผู้ประกอบการ
สำหรับการเข้าถึงซอฟท์โลน หรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเสริมสภาพคล่องนั้น แม้รัฐบาลได้ประกาศที่จะช่วยเข้ามาช่วยผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยววงเงิน 10,000 ล้านบาท แต่การเข้าถึงเป็นไปด้วยความลำบาก ซึ่งตนเองกล้าที่จะพูดได้เลยว่าหากผู้ประกอบการต้องการกู้เงิน 20 ล้านบาท จะต้องหาหลักทรัพย์เหมือนขอกู้เงิน 100 ล้านบาท โดยมีการขอหลักฐานมากกว่าปกติ จึงอยากขอความกรุณาธนาคารช่วยลดเงื่อนไข เพื่อให้ผู้ประกอบการโรงแรมสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้เพื่อนำมาเสริมสภาพคล่อง

วรสิทธิ์ ผ่องคำพันธุ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย
นายวรสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า อยากฝากถึงรัฐบาลยังไม่ควรพูดถึงโครงการจับคู่ท่องเที่ยวระหว่างประเทศ หรือทราเวล บับเบิ้ล รัฐบาลควรหันมาดูแลเรื่องเงินกู้เสริมสภาพคล่องก่อน ผู้ประกอบการชาวเกาะสมุยจะขอบคุณอย่างยิ่ง ในฐานะนายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุยขอวิงวอนช่วยดูแลเรื่องนี้ หากรัฐบาลไม่ช่วยโรงแรมบนเกาะสมุยต้องตกเป็นของต่างชาติแน่