ภาคเอกชนภูเก็ต 12 องค์กร ร่อนหนังสือเสนอมาตรการและแนวทางปฏิบัติในการช่วยเหลือท่องเที่ยวถึง “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี” และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง พร้อมเทียบเชิญมาตรวจราชการและฟังแนวทางพัฒนาจังหวัดภูเก็ตในหัวข้อ “เปลี่ยนภูเก็ตเพื่ออนาคตประเทศไทย” ด้วยเที่ยวบินแรกที่เดินทางเข้าภูเก็ต ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการ 16 มิ.ย.นี้
วันที่ 7 มิ.ย. 2563 นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต เป็นตัวแทนขององค์กรเอกชนในจังหวัดภูเก็ตจำนวน 12 องค์กร ยื่นหนังสือเสนอมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้แทนรับมอบ เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลต่อไป
นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการยื่นหนังสือดังกล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในจังหวัดภูเก็ตที่มีแนวโน้มที่ดีและสามารถควบคุมการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น องค์กรเอกชนในจังหวัดภูเก็ต 12 องค์กร ได้ร่วมกันประสานแรงกายแรงใจช่วยให้จังหวัดภูเก็ต ภายใต้การสนับสนุนของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ดำเนินการและจัดการควบคุมการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขอขอบคุณรัฐบาลที่ได้ผ่านมติคณะรัฐมนตรีมาในหลายวาระ
โดยเฉพาะมาตรการบางอย่างที่เน้นการช่วยเหลืออุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเดี่ยวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้จังหวัดภูเก็ตมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศประมาณ 14.4 ล้านคนในปี 2562 โดยแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยประมาณ 4 ล้านคน นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศประมาณ 10 ล้านคน สร้างมูลค่าเศรษฐกิจให้ประเทศ 4 แสนล้านบาท
“การระบาดของโรคโควิด -19 ได้สร้างความเสียหายเชิงเศรษฐกิจให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม 2563 ประมาณ 120,000 ล้านบาทและคาดการณ์ว่าในระยะเวลาที่เหลือในปี 2563 จะเกิดความสูญเสียเชิงเศรษฐกิจให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตไม่น้อยกว่า 160,000 ล้านบาท
บนสมมติฐานเชิงปริมาณว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตทั้งปีที่ จำนวน 5 ล้านคน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยไม่เกิน 1.5 ล้านคน และนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศประมาณ 3.5 ล้านคน นอกจากนี้การคาดการณ์ของสำนักวิจัยต่างๆ และหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวในต่างประเทศ ระบุว่า จะมีนักท่องเที่ยวกลับมาในช่วงเดือนตุลาคม 2563
โดยใช้เทศกาลวันหยุดในช่วงวันชาติจีน (1-10 ตุลาคม 2563) เป็นดัชนีวัด มีความจำเป็นที่รัฐบาลและภาคเอกชนจะต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการกำหนดมาตรการทุกมิติในการสนับสนุนซึ่งกันและกันให้ก้าวผ่านความยากลำบากและวิกฤตการณ์นี้ให้ได้ด้วยดีร่วมกัน”
นายธนูศักดิ์ กล่าวด้วยว่า เพื่อเป็นการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตให้เดินหน้าต่อไป จึงขอให้ พิจารณาเห็นชอบเปิดให้บริการท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดภูเก็ต สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป และขอเชิญนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเดินทางมาตรวจราชการกับเที่ยวบินดังกล่าว
เพื่อรับฟังแนวทางการพัฒนาจังหวัดภูเก็ตจากทางภาคเอกชนและประชาชนในหัวข้อ“เปลี่ยนภูเก็ตเพื่ออนาคตประเทศไทย” ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความสมดุลทั้งในเรื่องของการควบคุมโรคและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย
อย่างไรก็ตามในส่วนของมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของภูเก็ตนั้น มีทั้งมาตรการสนับสนุนให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ เช่น ให้หน่วยงานราชการจัดการประชุมสัมมนาตามมาตรฐานใหม่ที่ภูเก็ต, จัดแคมเปญการท่องเที่ยวด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล โดยสนับสนุนคูปองน้ำมัน เป็นต้น
มาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ เช่น ให้รัฐบาลจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเป็นการเฉพาะให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตเป็นวงเงิน 15,000 ล้านบาท มีเงื่อนไขระยะเวลาในการกู้ 24 เดือน โดยใช้วิธีการค้ำประกันจากบรรษัทประกันสินเชื่อขนาดย่อม และมีอัตราดอกเบี้ยที่ 2% ตลอดระยะเวลาสัญญาวงเงินเป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการกำหนดมาตรการของผู้เดินทางเข้าออกจังหวัดภูเก็ตทั้งในและต่างประเทศ เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค หรือ “ภูเก็ตโมเดล” ซึ่งเป็นการใช้ระบบการจัดการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและกำลังคนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการให้เกิดเอกภาพ
โดยจัดให้มีการคัดกรองแบบ Multi Screening Process เป็นการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-LAMP เป็นการตรวจหาสารพันธุกรรมแบบเร็ว โดยจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการตรวจแบบกลุ่ม (Pool Testing) ประมาณคนละ 350-400 บาท โดยใช้งบของ อบจ.ในการดำเนินการ จะใช้สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงหรือผู้เดินทางตรงมาจากต่างประเทศ (ในอนาคต) หรือผู้ที่ทางเจ้าหน้าที่ประจำด่านเห็นควรให้ผ่านการตรวจจากข้อบ่งชี้ ตลอดจนการจัดตั้ง Phuket Covid Command Center ที่เป็นศูนย์กลางในการบริหารและการจัดการภาพรวมของจังหวัดภูเก็ตด้วย