เว็บไซต์เอ็นบีซี (NBC) รายงานว่า สตาร์บัคส์เป็นบริษัทล่าสุดที่ประกาศงดการจ่ายเงินลงโฆษณาบนสื่อสังคมออนไลน์ทุกช่องทางยกเว้น YouTube โดยให้เหตุผลว่าต้องการแสดงจุดยืนในการต่อต้านข้อความที่สร้างความเกลียดชัง (Hate Speech) และเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง
ขณะนี้มีบริษัทกว่าร้อยแห่งที่ออกมาประกาศว่าจะไม่จ่ายเงินเพื่อลงโฆษณาให้เฟซบุ๊ก เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ #StopHateForProfit ที่ต้องการให้ผู้ให้บริการออกมาจัดการกับข้อความสนับสนุนความเกลียดชังที่มีอยู่บนแพลตฟอร์ม ตัวอย่างของบริษัทที่เข้าร่วมได้แก่ อเมริกันฮอนด้า ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์, โคคา-โคล่า ผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มโค้ก, ลีวายส์ ผู้ผลิตกางเกงยีนส์, แมกโนเลียพิคเจอร์ส สตูดิโอผลิตภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด และ เดอะนอร์ธเฟซ ผู้ผลิตเสื้อผ้าและอุปกรณ์เอาท์ดอร์ เป็นต้น
ส่วนใหญ่แล้วมีการประกาศว่าจะงดลงโฆษณาเฉพาะกับเฟซบุ๊กและมีผลแค่ในเดือนกรกฎาคมเท่านั้น ยกเว้น ยูนิลีเวอร์อเมริกา ที่ออกตัวตั้งแต่วันศุกร์ว่าจะหยุดลงโฆษณาไปจนถึงสิ้นปี ทั้งกับเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์
ปีที่แล้วเฟซบุ๊กทำรายได้จากการขายโฆษณาได้ถึง 69,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2.15 ล้านล้านบาท) หลังจากมีกระแสบอยคอตต์ออกมา พวกเขาก็ออกมาตอบว่าพวกเขายังมีงานต้องทำอีกมาก ที่ผ่านมาในแต่ละปี พวกเขาลงทุนนับพันล้านดอลลาร์เพื่อให้เฟซบุ๊กเป็นสังคมที่ปลอดภัยขึ้น และได้แบนองค์กรที่สนับสนุนแนวคิดคนขาวเป็นใหญ่ (white supremacist) ออกไปจากแพลตฟอร์มของพวกเขาอีกด้วย
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังมีข่าวการบอยคอตต์ของแบรนด์ต่าง ๆ หุ้นของเฟซบุ๊กปิดตลาดที่ -19.60 หรือเทียบเป็นสัดส่วนแล้วลดลง 8.32% มูลค่าตกไป 56,000 ล้านดอลลาร์