ไทยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 3 ราย กลับจากต่างประเทศ ศบค.เตรียมชง 5 กิจกรรมฟื้นฟู จ.ระยอง

ศบค.เตรียมจัด 5 กิจกรรมฟื้นฟู จ.ระยอง เผยไทยพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 3 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุด 3,239 ราย รักษาหายแล้ว 3,096 ราย 

วันที่ 17 ก.ค. 2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยถึงสถานการณ์ในประเทศไทยว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,239 ราย เป็นผู้ที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 302 ราย มีผู้หายป่วยเพิ่มขึ้น 1 ราย รวมผู้ที่หายป่วยแล้ว 3,096 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 85 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ยังคงเดิมที่ 58 ราย โดยผู้ป่วยติดเชื้อ 3 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศซูดาน

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ของโลก พบผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมอยู่ที่ 13,946,637 ราย จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 255,010 ราย รวมจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 592,677 ราย สหรัฐอเมริกายังคงมีผู้ป่วยยืนยันสะสมเป็นอันดับที่ 1 ของโลก รองลงมาคือบราซิลและอินเดียตามลำดับ ซึ่งปัจจุบัน ไทยอยู่อันดับที่ 101 ของโลก

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่นักการทูต สัญชาติเอสโตเนีย ที่ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพักคอนโดมิเนียม เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานแจ้งให้สถานเอกอัครราชทูตทราบถึงแนวทางการปฏิบัติในการเดินทางเข้าประเทศไทย ต้องเข้าพักใน Alternative State Quarantine (ASQ) โดยต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ยืนยันว่านักการทูตดังกล่าวได้มีการตรวจเชื้อเรียบร้อยไม่พบการติดเชื้อ

ส่วนกรณีจังหวัดระยองนั้นได้กำหนดวงแคบเฉพาะโรงแรม ดีวารี ดีว่า เซ็นทรัลระยอง และเกี่ยวข้องเฉพาะในชั้น 7 และชั้น 8 เท่านั้น รวมทั้งไปเกี่ยวข้องเพียงแค่ 12 คน ผลตรวจหาเชื้อออกมาเป็นลบทั้งหมด และให้อยู่ในสถานที่กักตัว 14 วัน ที่เหลือเป็นการตรวจโดยสมัครใจซึ่งยังไม่พบเชื้อแต่อย่างใด บางส่วนรอผลตรวจอยู่ รวมทั้งสิ้นตรวจแล้ว 4,206 ตัวอย่าง ส่วนการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยเด็กหญิงจากประเทศซูดาน มีผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 7 คน ขณะนี้อยู่ในสถานที่กักตัวคือที่บ้านพัก 14 วัน ผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ 28 คน และผู้สัมผัสอื่น ๆ ที่เป็นลูกบ้านยังไม่พบเชื้อแต่อย่างใด และมีการเก็บตัวอย่างเพิ่มในวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 จำนวน 97 คน อยู่ระหว่างรอผล

ผลการประชุม ศบค.ชุดเล็ก/เฉพาะกิจ มีมติให้เสนอกิจกรรมฟื้นฟูโดยจัดกิจกรรมรณรงค์ร่วมใจฝ่าโควิด จ. ระยอง 5 กิจกรรม ได้แก่

1) ขอความร่วมมือภาครัฐจัดประชุม สัมมนาในจังหวัดระยอง

2) ส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยเจ้าหน้าที่ภาครัฐ เอกชน เช่น การจัดบุคลากรทางด้านสาธารณสุข (อสม.) ไปเที่ยว

3) การจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลจากทีมในไทยลีก ในรูปแบบใหม่ มีผู้ชมแบบ New Norma โดยมอบกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปพิจารณาดำเนินการ

4) การจัดงานแสดงคอนเสิร์ต ในรูปแบบใหม่

5) การจัดกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ในพื้นที่ (Villa Quarantine) โดยมีการกำหนดพื้นที่ถ่ายทำชัดเจนและให้เข้า State Quarantine ในพื้นที่ดังกล่าว 14 วัน ซึ่งจะทำให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจในพื้นที่โดยพื้นที่แรกที่กำหนดไว้คือจังหวัดระยอง

ที่ประชุมยังมีมติอนุญาตให้นักการทูตที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยจากเดิมให้พำนักอยู่ในสถานที่สถานทูตเป็นให้นักการทูตทุกคนที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยต้องเข้า State Quarantine 14 วัน การอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาจัดการแสดงสินค้าภายในราชอาณาจักร การอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในราชอาณาจักร การอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร การอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มี Elite Card สามารถเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้จากเดิมไม่ให้เข้ามา มาตรการหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติผ่อนผันให้นักเรียนรหัส G เข้ามาในราชอาณาจักร รวมถึงการนำแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ (เมียนมา ลาว กัมพูชา) เข้ามาในราชอาณาจักร

เปิดใจไม่ลาออก ตำแหน่งโฆษก ศบค.

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงกระแสข่าวว่าถอดใจลาออกจากการเป็นโฆษก ศบค.ว่า ที่กราบขอโทษจากเหตุการณ์ที่ จ.ระยอง อีกรอบหนึ่งและระบุว่าจะมีการทบทวน คือการทบทวนการทำงานให้ละเอียดยิ่งขึ้นทำหน้าที่ให้หนักมากยิ่งขึ้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่มอบหมายหน้าที่รับผิดชอบ หน้าที่ตนคือทำให้ดีที่สุด เมื่อมีข้อบกพร่องก็น้อมรับและทำให้ดี ยังไม่ได้มีภาพของการที่จะถอดใจเพราะโรคนี้ยังอยู่กับเรา ตนก็ต้องทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นแพทย์ และอีกด้านหนึ่งก็เป็นจิตแพทย์ที่ต้องดูแลจิตใจของตัวเองด้วย

ขอบคุณทุกคำ ที่เป็นข้อติชมและเป็นข้อแนะนำ ถือว่าเป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้และจะทำให้ดีที่สุดได้ผลที่สุดคือให้ประชาชนคนไทยได้มีสุขภาพที่ดี และผมก็สบายใจด้วย เพราะลูก หลาน ครอบครัวของผมก็อยู่ในเมืองไทย เช่นเดียวกัน ถ้าทำได้ดีแล้วคนอื่นได้ด้วยครอบครัวของผมก็ได้ด้วย ขอบคุณคนไทยทุกคนที่ช่วยกัน เราต้องควบคุมให้ได้เพราะเรามีพื้นที่และบ้านของเราอยู่ตรงนี้ ซึ่งบทบาทสำคัญไม่ได้อยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขอย่างเดียว แต่กระจายไปหลายกระทรวง