นักกิจกรรมสหรัฐฯ วอน Apple, Nike หยุดทำธุรกิจกับจีน พบมีการบังคับใช้แรงงานชาวอุยกูร์

นักเคลื่อนไหวในสหรัฐฯ เรียกร้องให้ Nike, Apple หยุดทำธุรกิจกับบริษัทจีน อ้างมีการบังคับใช้แรงงานชาวอุยกูร์

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า กลุ่มนักเคลื่อนไหวในสหรัฐฯ ร่วมรณรงค์เรียกร้องให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของหลายบริษัท อาทิ Nike และApple ยุติการทำธุรกิจร่วมกับบริษัทซัพพลายเออร์จากจีน โดยอิงรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ว่า บริษัทซัพพลายเออร์เหล่านี้มีการบังคับใช้แรงงานชาวอุยกูร์ และชนกลุ่มน้อยมุสลิมอื่นๆ ในเขตปกครองตนเองซินเจียงของจีน โดยล่าสุดทางกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้ประกาศคว่ำบาตร 11 บริษัทจากประเทศจีน ตามรายงานระบุว่ากลุ่มบริษัทที่ถูกแบนครั้งนี้มาจากหลายธุรกิจทั้ง บริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (วิเคราะห์ DNA), บริษัทสิ่งทอและอุปกรณ์แต่งผม และบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ในบ้านรายใหญ่

ทั้งนี้ทางด้านบริษัท Nike และอีกหลายบริษัทจากสหรัฐฯ เผยว่า ทางบริษัทกำลังดำเนินการตรวจสอบประเด็นต่างๆ กับบริษัทซัพพลายเออร์จากจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อตรวจสอบว่ามีการบังคับใช้แรงงานชาวอุยกูร์ และชนกลุ่มน้อยมุสลิมอื่นๆ หรือไม่ ขณะที่ Apple บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลกกล่าวว่า ทางบริษัทได้ทำการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ไม่พบหลักฐานใดที่บ่งชี้ถึงการบังคับใช้แรงงานแต่อย่างใด

ทั้งนี้จากรายงานของสถาบันนโยบายยุทธศาสตร์แห่งออสเตรเลีย (ASPI) และกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ กล่าวว่า มีชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยมุสลิมอื่นๆ จำนวนหลายพันคนถูกบังคับนำไปใช้แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งโรงงานเหล่านี้ล้วนแต่เป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของแบรนด์ชั้นนำมากกว่า 80 แบรนด์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทเทคโนโลยี, เสื้อผ้า และยานยนต์ ด้านนายจิม แมคกอฟเวิร์น สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวว่า “บริษัททั่วโลกจะต้องประเมินการดำเนินงาน และกระบวนการผลิต รวมถึงมองหาซัพพลายเออร์ที่อื่นที่ไม่มีประวัติการบังคับใช้แรงงานและละเมิดสิทธิมนุษยชน”

ขณะที่บริษัทซัพพลายเออร์จากจีนจำนวนไม่น้อยได้ออกมาปฎิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวพร้อมระบุว่า บริษัทเราไม่เคยทำอย่างนั้น และจะไม่มีวันบังคับใช้แรงงานโดยเด็ดขาด การตัดสินใจแบนบริษัทจีนของสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับได้ เรากำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว