จีนอาจปิดกงสุลสหรัฐฯ ในเฉิงตู เพื่อตอบโต้รัฐบาลสหรัฐฯ หลังสั่งปิดกงสุลจีนในฮุสตัน

เซาท์ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์เผย จีนอาจปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองเฉิงตูตอบโต้ หลังสหรัฐฯ สั่งปิดกงสุลจีนในฮุสตัน

สำนักข่าวเซาท์ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า ทางการจีนเตรียมพิจารณาสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ในนครเฉิงตู มณฑลเสฉวน เพื่อตอบโต้รัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากที่เมื่อวานนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งให้ทางการจีนดำเนินการปิดสถานกงสุลในเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส ภายใน 72 ชั่วโมง หรือในวันศุกร์นี้ โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ ข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกัน

ตามรายงานของทางเซาท์ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์เผยว่า ในเบื้องต้นนั้นทางจีนพิจารณาเตรียมสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ในนครอู่ฮั่น แต่ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายจีนมองว่าการปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ในนครอู่ฮั่นนั้นไม่ค่อยจะส่งผลกระทบต่อสหรัฐฯ เท่าไหร่นัก เนื่องจากรัฐบาลวอชิงตันได้อพยพนักการทูตและเจ้าหน้าที่ออกจากกงสุลตั้งแต่ช่วงแรกของการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทำให้การปิดสถานกงสุลที่นครเฉิงตูมีแนวโน้มจะสร้างแรงกดดันต่อสหรัฐฯ ได้มากกว่า เนื่องจากภูมิภาคดังกล่าวมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ เนื่องจากครอบคลุมพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เช่น มณฑลเสฉวน, มณฑลยูนนาน, มณฑลกุ้ยโจว, เขตปกครองตนเองทิเบต และเทศบาลนครฉงชิ่ง

นอกจากนี้ทางการจีนยังได้เฝ้าจับตากิจกรรมต่างๆ ในสถานกงสุลดังกล่าวมาตลอด นับตั้งแต่ปี 2012 เมื่อนายหวังลี่จุน อดีตผู้บัญชาการตำรวจและอดีตรองนายกเทศมนตรีนครฉงชิ่ง พร้อมด้วยนายป๋อซีไหล อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเทศบาลนครฉงชิ่งที่เพิ่งถูกปลดจากตำแหน่ง ได้เดินทางเข้าไปในสถานกงสุลสหรัฐฯ ณ นครเฉิงตู ในวันที่ 6 ก.พ. 2012 ทั้งสองใช้เวลาอยู่ในสถานทูตนานกว่า 30 ชั่วโมง ต่อมาในปี 2013 นายป๋อซีไหลถูกติดสินจำคุกตลอดชีวิตจากคดีติดสินบนและใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ ส่วนนายหวังลี่จุน ถูกตัดสินจำคุก 15 ปี ในข้อหาทุจริต, ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ และแปรพักตร์ ขณะที่นายจิม มัลลิแน็กซ์ กงสุลใหญ่สหรัฐประจำเมืองเฉิงตูในขณะนั้นปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าว