เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ยื่นข้อมูลใหม่ หลังพบหลักฐานเมาแล้วขับ คดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฏหมาย คดีบอส พิจารณาข้อหา เมาแล้วขับชนคนตาย ชี้อายุความ ยังเหลืออีก 7 ปี

วันที่ 26 ส.ค. 2563 ที่สำนักงานกฤษฎีกา นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ยื่นข้อมูลที่เป็นหลักฐานใหม่เรื่องเมาแล้วขับ ในคดีที่นายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถเฟอร์รารี่ชนรถจักรยานยนต์ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ จนเสียชีวิต ให้นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
นพ.แท้จริง ระบุว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค. มูลนิธิเมาไม่ขับ ได้จัดเวทีสาธารณะตามหาความจริงคดีบอสยุติธรรมหรือธรรม-ยุติ ทำให้พบหลักฐานใหม่ที่พิสูจน์หักล้าง โดยนำอาสาสมัคร จำนวน 6 คน มาทดสอบการลดลงของปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย ภายหลังจากการดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป ที่ยืนยันว่าสามารถขับรถได้ตามปกติ และไม่มีอาการแสดงว่าไม่มีสติที่จะขับรถไม่ได้

ขัดแย้งกับกรณีนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในขณะนั้นที่ลงความเห็นไว้ว่า จากการคำนวณปริมาณแอลกอฮอล์ ย้อนหลังในตัวนายวรยุทธ ขณะขับรถชน อยู่ที่ 389 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ อาจทำให้เมาจนไม่มีสติที่จะขับขี่รถได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง รวมถึงที่บอกว่าอัตราแอลกอฮอล์ที่อยู่ในร่างกาย ลดลง 15 เปอร์เซ็นต์ต่อ 1 ชั่วโมง ก็ไม่เป็นความจริง
หลักฐานใหม่นี้ อาจจะนำไปสู่การรื้อคดีใหม่ว่านายวรยุทธ เมาแล้วขับ ซึ่งนำไปสู่การพิจารณาฟ้องร้องฐานขับขี่โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีอายุความถึง 15 ปี ขณะนี้อายุความยังเหลืออยู่ 7 ปี เมื่อนับจากวันที่เกิดเหตุปี 2555 ทั้งนี้คาดหวังว่า นายวิชา จะนำข้อมูลใหม่ที่ได้นี้ไปเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
ขณะที่ นายวิชา กล่าวว่า จะพิจารณาอายุความและข้อกฎหมายประกอบด้วย อย่างไรก็ตาม หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจะเชิญ นพ.แท้จริงมาให้ข้อมูลในคราวต่อไป

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลเดิมของแพทย์ที่นำมาอ้างในคดีระบุว่า ผลการคำนวณแอลกอฮอล์ในร่างกายหากนายวรยุทธ เมาแล้วขับจะมีมีปริมาณแอลกอฮอล์ ตอนที่เกิดเหตุ ถึง 389 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ไม่สามารถขับขี่รถได้ จึงเป็นส่วนหนึ่งของการอ้างว่า “เมาหลังขับ”
แต่ข้อมูลของมูลนิธิเมาไม่ขับ ที่ตรวจสอบมายังพบว่า กรมควบคุมโรคได้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่รถประจำปี 2562 จากโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศ พบว่า มีผู้ขับขี่รถที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ 300-350 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ 612 คน, มีปริมาณแอลกอฮอล์ 350-400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ 284 คน และมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่า 400-450 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ 71 คน