Unmuted Project การเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อตามหาเสรีภาพของศิลปะที่หายไป

“เรามองว่าศิลปะคือทุกสิ่งและการเมืองคือทุกอย่าง ถ้าการเมืองดีวงการศิลปะก็จะดีตามไปด้วย เราจึงเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าร่วมได้ อยากมีพื้นที่ให้ทุกคนสามารถแสดงออกได้เพราะสุดท้ายแล้วเรามองว่าเราเป็นฟันเฟืองหนึ่งเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองไปเรื่อยๆ”

จาก #ไอเดียออกม็อบ แฮชแท็กในทวิเตอร์ที่ติดเทรนด์อยู่ช่วงเวลาหนึ่งซึ่งเป็นแหล่งรวมไอเดียการออกม็อบอย่างสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ที่สนใจการเมือง ก่อนหน้านี้เราได้มีโอกาสเห็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองใหม่ๆ อย่างที่ประเทศไทยไม่เคยมีมาก่อนเช่น ม็อบวิ่งกันนะแฮมทาโร่ ม็อบแฮรี่พอตเตอร์ ม็อบไม่มุ้งมิ้งแต่ตุ้งติ้งค่ะคุณรัฐบาล และอีกหลายต่อหลายกลุ่มที่ล้วนออกมาเคลื่อนไหวเพื่อแสดงออกทางการเมืองบนอุดมการณ์เดียวกัน

เป็นที่มาของ “Unmuted Project”  ม็อบที่ใช้ศิลปะเป็นตัวขับเคลื่อน แต่เมื่อพูดถึงการสร้างสรรค์ชิ้นงานศิลปะจึงค่อนข้างจะต้องใช้เวลา ไม่สามารถที่จะรวมตัวและสลายตัวในเวลาอันรวดเร็วได้ สุดท้ายกลุ่มนักศึกษาผู้จัดงานจึงตัดสินใจจัดงานนี้ขึ้นที่ “สวนครูองุ่น” เพื่อเปิดพื้นที่ให้ศิลปินกว่า 200 ชีวิตได้ร่วมกันสร้างสรรค์งานผลงานศิลปะที่ว่ากันว่าหายไปเพราะเผด็จการ

การจัดงานในครั้งนี้เริ่มต้นจากกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรังสิตที่รวมตัวกันเพื่อขับเคลื่อนประเด็นทางการเมืองและประเด็นทางสังคมผ่านศิลปะ โดยพวกเขามองว่าเราทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเรียกร้องทางการเมืองได้ผ่านวิธีที่ตนเองถนัดและเริ่มต้นลงมือทำเท่านั้น

“จุดประสงค์ของงานในครั้งนี้คือ เราไม่อยากให้การเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นเรื่องของกลุ่มคนเพียงไม่กี่คน แต่เรามองว่าทุกคนสามารถเป็นแกนนำทางการเมืองได้ เราต่างเป็นเอกเทศระหว่างกันและกัน เรามองว่าศิลปะคือทุกสิ่งและการเมืองคือทุกอย่าง ถ้าการเมืองดีวงการศิลปะก็จะดีตามไปด้วย เราจึงเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าร่วมได้ อยากมีพื้นที่ให้ทุกคนสามารถแสดงออกได้ เพราะสุดท้ายแล้วเรามองว่าเราเป็นฟันเฟืองหนึ่งเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองไปเรื่อยๆ ต่างคนต่างทำโดยที่เราไม่จำเป็นต้องรอใครเป็นแกนนำ”

“ผมมองว่าทุกอย่างคือการเมือง ตั้งแต่คุณลืมตาตื่นจนหลับหรือตั้งแต่คุณเกิดจนตายคุณไม่สามารถจะพูดได้หรอกว่า เราไม่เกี่ยวกับการเมืองเพราะทุกอย่างล้วนเกี่ยวกับการเมืองไม่ว่าคุณจะเข้าใจมันหรือไม่ สิ่งที่เราพยายามนำเสนอคือความภาคภูมิใจของคนฝ่ายผลิต โดยในงานจะไม่มีการติดชื่อชิ้นงาน ไม่มีการติดชื่อเจ้าของผลงาน ไม่มีคำบรรยายใต้ภาพ ผู้ชมสามารถตีความไปในทิศทางใดก็ได้  คำว่า ‘Unmuted’ หรือที่แปลว่า “เปิดเสียง”  มาจากความพยายามที่เราอยากจะสื่อถึงการไร้ขีดจำกัดหรือการไม่ปิดกั้น เพราะเมื่อศิลปะมีข้อจำกัดนั่นก็ไม่ใช่ศิลปะอีกต่อไป”

การเมืองยังไม่เสรี การเปิดเผยตัวตนยังทำไม่ได้

“ถามว่ากลัวหรือเปล่า จริงๆ ก่อนที่จะเริ่มงานเราได้มีการพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่แล้ว มีการทำข้อตกลงกันคุยกันเพื่อหาตรงกลาง ซึ่งถามว่ากลัวไหมก็กลัว แต่ผมรู้สึกว่า ผมไม่ควรกลัวนะ ทุกคนก็ไม่ควรกลัวเหมือนกัน เพราะหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มีหน้าที่ทำให้เราอุ่นใจมากกว่าทำให้เรารู้สึกกลัว ส่วนการไม่เปิดเผยชื่อศิลปินไม่ใช่เกิดจากความกลัวแต่มาจากคอนเซปต์งานมากกว่า”

ส่วนกิจกรรมภายในงาน จะมีตั้งแต่การเดินชมงานศิลปะหลากหลายประเภท และ กิจกรรมแจกหนังสือสำหรับผู้เข้าร่วมชมงาน โดยไฮไลท์ในแต่ละวันจะแตกต่างกันออกไป เช่น การแสดงละครสั้นเรื่อง “ต้นไม้แขวนคอ” (The Hanging Tree) ละครเวทีจากกลุ่ม Blitz Theater ว่าด้วยการรักษาความสัมพันธ์ภายใต้บริบททางการเมืองในช่วง กปปส. มีงานเสวนาโดยคุณปราปต์ ชัยรัตน์ พิพิธพัฒนาปราปต์ ผู้ประพันธ์ กาหลมหรทึก และการจัดแสดงภาพยนตร์สั้นจากศิลปินที่ส่งเข้ามาร่วมงานและ Boundary : ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง จาก คุณ นนทวัฒน์ นำเพญจพล ภาพยนตร์ที่ได้ชื่อว่า ‘คนไทยห้ามดู’ เป็นต้น

นิทรรศการของเราจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม ถึง 5 กันยายน ตั้งแต่เวลา 11:00-18:00 นาฬิกา สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ facebook.com/unmutedTHproject