SHARE

คัดลอกแล้ว
กระทรวงสาธารณสุข เผยพบผู้ต้องขังชายไทยที่อยู่ระหว่างกักกันก่อนเข้าเรือนจำ ตรวจเชื้อพบโควิด 19  ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอีก 34 รายที่กักตัวในห้องเดียวกัน ผลตรวจทั้งหมดไม่พบเชื้อ ทั้งหมดย้ายไปกักกันที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดในครอบครัวแยกตัวกักเช่นกัน
วันที่ 3 ก.ย. 2563 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และนพ.เมธิพจน์ ชาตะเมธีกุล ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อ สำนักอนามัย กทม. แถลงข่าวกรณีพบผู้ต้องขังชายไทยที่อยู่ระหว่างกักกันก่อนเข้าเรือนจำ ตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 ว่า กรมควบคุมโรคได้รับแจ้งจากกรมราชทัณฑ์ว่ามีผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 1 ราย เป็นผู้ต้องขังชายไทยอายุ 37 ปี
เข้าเรือนจำทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง วันที่ 26 ส.ค. และได้รับการกักกันตัวในห้องแยกก่อนเข้าเรือนจำตามนโยบายของกรมราชทัณฑ์ โดยกักรวมกับผู้ต้องขังรายอื่นอีก 34 ราย
ผลตรวจคัดกรองโควิด 19 เมื่อวันที่ 2 ก.ย. โดยคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นบวก และผลตรวจซ้ำที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลพบสารพันธุกรรมโควิด19 ส่วนอีก 34 รายที่แยกกักในห้องขังเดียวกันทั้งหมดผลตรวจไม่พบเชื้อ
ด้าน นพ.เมธิพจน์กล่าวว่า หลังจากทราบผลการตรวจ ได้ย้ายผู้ป่วยไปรักษาในห้องแยกที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และผู้ที่อยู่ร่วมห้องเดียวกัน 34 ราย และอาสาสมัครนักโทษอีก 2 ราย ซึ่งถือที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอยู่ระหว่างนำไปกักกันที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ทีมสอบสวนโรคได้ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดในครอบครัว 5 ราย  อยู่ระหว่างติดตามตัว 2 ราย ได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจและให้แยกตัวกักที่บ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์บริการสาธารณสุขและสำนักงานเขตในกรุงเทพมหานครติดตามอาการใกล้ชิดทุกวันจนครบ 14 วัน  ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำประมาณ 37 ราย อยู่ในการดูแลของ กรมราชทัณฑ์ร่วมกับกรมควบคุมโรค แนะนำให้แยกกักตัวเอง 14 วันเช่นกัน
นพ.วีระกิตติ์ กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้ เป็นรายที่ 2 ที่ตรวจพบจากมาตรการที่กรมราชทัณฑ์กำหนด ซึ่งให้ผู้ต้องขังรายใหม่ หรือผู้ต้องขังที่ออกไปข้างนอกต้องแยกกัก 14 วัน โดยมีพื้นที่แยกกักชัดเจน ยืนยันว่าการพบผู้ติดเชื้อครั้งนี้ไม่ได้กระทบไปถึงผู้ต้องขังรายอื่นอีก 8,000 กว่าคนในเรือนจำ ซึ่งเป็นมาตรการที่ดำเนินการในเรือนจำทั่วประเทศ ขอให้ญาติผู้ต้องขัง ผู้ต้องขัง และเจ้าหน้าที่ในเรือนจำได้มั่นใจ ขณะนี้ผู้ติดเชื้อได้ย้ายกักกันในห้องเดี่ยว ที่ตึกแยกเฉพาะไม่ปะปนกับผู้ป่วยอื่น ส่วนอีก 34 ราย ได้แยกไปเฝ้าดูแลเป็นพิเศษจนครบ 14 วัน
พญ.วลัยรัตน์ กล่าวว่า  ทีมสอบสวนโรคจากกรมควบคุมโรค, สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร(กทม.) ร่วมกับทีมของราชทัณฑ์ ในการตรวจสอบโดยสอบสวนที่เรือนจำและโรงพยาบาลราชทัณฑ์ พบว่าผู้ป่วยรายนี้ เริ่มมีอาการเมื่อ 29 ส.ค.  ด้วยอาการมีเสมหะ อาการไม่ชัดเจน เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ได้เก็บสิ่งส่งตรวจที่โพรงจมูกผลพบเชื้อ เมื่อซักประวัติย้อนไป 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. ย้อนไป 14 วัน พบว่า ได้พักกับครอบครัวที่คอนโดมิเนียมบ้านสวนธน พุทธบูชา บางมด โดยมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในครอบครัว 5 รายและจะต้องแยกกักกันต่อไป
ผู้ติดเชื้อทำงาน เป็นดีเจ ที่ร้านอาหาร 3 วัน 2 คืน สาขาพระราม 3 ในวันจันทร์ พฤหัสบดี และเสาร์ และสาขาพระราม 5 ในวันศุกร์และอาทิตย์ และทำงานที่ร้าน First Cafe ถนนข้าวสาร นอกจากนี้ยังพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในวันที่ผู้ป่วยขึ้นศาลอีก 20 ราย เป็นทนายความ เจ้าหน้าที่เรือนจำ นักโทษร่วมคดีความ และนักโทษที่ร่วมรถโดยสาร
นพ.สุวรรณชัย กล่าวในตอนท้ายว่า นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ข่าวสารแก่ประชาชนให้ครบถ้วน ไม่ปกปิด ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด ในช่วงวันหยุดยาวนี้ประชาชนสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติ แต่ต้องเพิ่มการป้องกันส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง ทั้งการสวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ  เว้นระยะห่าง แยกอาหารรับประทาน  แยกของใช้ส่วนตัว และขอให้มั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยที่มีระบบเข้มแข็ง

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า