ผู้ต้องขังขโมยชุด ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่เรือนจำเพชรบูรณ์ เดินเนียนแหกคุกสุดท้ายไม่รอด

หลังเดินอย่างใจเย็นออกมาจากอาคารเรือนจำและเดินออกไปพ้นประตูรั้วแล้ว จากนั้นทราบว่าผู้ต้องหาได้กลับเข้าไปที่บ้าน ซึ่งอยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เพื่อไปเอารถจักรยานยนต์ PCX สีดำ แล้วใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนี

ต่อมา เจ้าหน้าตำรวจ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ เจ้าหน้าเรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ และเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ได้ร่วมกันนำกำลังออกติดตามตัวจนกระทั่งได้สืบทราบว่าผู้ต้องขัง หลบไปอยู่ที่บ้านร้างหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 10 ต.ชอนไพร อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว เมื่อไปถึงก็พบผู้ต้องขังหลบอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ขับขี่มาได้ถูกซุกซ่อนเอาไว้ภายในไร่ข้าวโพด

จากนั้น พล.ต.ต. อรรถสิทธิ์ สุดสงวน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ลงพื้นที่เพื่อสอบถามผู้ก่อเหตุ โดยนายวุฒิชัย ผู้ก่อเหตุหลบหนี ได้ให้การรับสารภาพว่า ตนเองโดนคดีลักทรัพย์ รวม 6 คดี รู้ว่าครั้งนี้ต้องติดคุกยาวแน่ แต่ตนเองไม่อยากจะติดคุก จึงวางแผนดังกล่าวขึ้นมา โดยวางแผนประมาณ 1 สัปดาห์ ไม่มีใครร่วมด้วย โดยคิดว่าเป็นทางเดียวที่จะรอดได้

ชุดของเจ้าหน้าที่ ตนแอบเข้าไปในห้องพักผ่อนของผู้คุม และขโมยเสื้อมาสวมใส่ และใช้แว่นตาที่ใช้ในโรงงานในเรือนจำพรางใบหน้าก่อนสสมหน้ากากอนามัย ตอนเดินออกมาตนไม่ได้พูดอะไร เดินก้มหน้าอย่างเดียวและเจ้าหน้าที่ก็เปิดประตูให้

ด้านพันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องขังชาย วุฒิชัย เป็นผู้ต้องขังอยู่ระหว่างพิจารณาคดีของศาล ความผิดฐานลักทรัพย์ รับของโจรและบุกรุก รวม 6 คดี เจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. ของวันเดียวกัน โดยพบว่าผู้ต้องขังหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณบ้านของพ่อตาที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างห่างจากเรือนจำเพียง 200 เมตร ในพื้นที่ ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์

พันตำรวจเอก ณรัชต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจับกุมผู้ต้องขังหลบหนีได้ในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.เพชรบูรณ์ ที่ร่วมกันติดต่อจับกุมผู้ต้องขังหลบหนีดังกล่าวได้ในเวลาไม่นาน จากสถิติการหลบหนีตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2562 ยังไม่มีผู้ต้องขังที่หนีได้สำเร็จ และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อหาสาเหตุที่เกิดขึ้นและหากเกิดจากความประมาทของเจ้าหน้าที่จะมีการลงโทษอย่างถึงที่สุดต่อไป