ประวัติ โจ ไบเดน ชีวิตดั่งนิยาย สู่เส้นทางประธานาธิบดี

แต่ในขณะเดียวกันโจ ไบเดน ก็เป็นบุคคลที่หลายต่อหลายคนบอกว่า โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเขาเหลือเกิน เพราะทั้งชีวิตส่วนตัวและชีวิตการเมืองของเขาโลดโผนราวกับในนิยายกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้

นับเฉพาะการชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ การเลือกตั้งในปีนี้ 2563 นี้ถือได้ว่าเป็นความพยายามที่ 3 แล้วตลอดชีวิตการเมืองของเขา ยังไม่รวมวิบากกรรมในชีวิตส่วนตัวอีกมากมาย

วันนี้ workpointTODAY จะพาไปรู้จักกับชายที่ชื่อว่าโจ ไบเดนกัน

🔵 ชีวิตส่วนตัว

โจ ไบเดน เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2485 ที่รัฐเพนซิลเวเนียในครอบครัวที่พ่อของเขาดิ้นรนหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นทั้งเซลล์ขายรถ ไปจนถึงเป็นคนทำความสะอาดเตา ก่อนที่ครอบครัวจะย้ายไปตั้งรกรากอยู่ที่รัฐเดลาแวร์ เพื่อแสวงหาโอกาสที่ดีกว่า ซึ่งแม้จะไม่ใช่บ้านเกิด แต่สุดท้ายรัฐเดลาแวร์แห่งนี้ก็กลายเป็นชีวิตทั้งชีวิตของนายโจ ไบเดน

โจ ไบเดน ศึกษาด้านประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์และกฎหมาย และใช้ความรู้ด้านกฎหมายหาเลี้ยงชีพในชีวิตการทำงานช่วงแรก พร้อมๆ กับเป็นนักกิจกรรมตัวยงของพรรคเดโมแครต จนพรรคเดโมแครตเห็นแวว เสนอให้เขาลงชิงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภารัฐเดลาแวร์สู้กับเจ้าถิ่นเดิมจากพรรครีพับลิกันคู่แข่ง

การลงสนามชิงตำแหน่งวุฒิสภารัฐเดลาแวร์ในปี 2515 ซึ่งในตอนนั้นนายไบเดนมีอายุ 29 ปี ประชาชนได้เปิดทางให้เขาชนะการเลือกตั้ง กลายเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่มีอายุน้อยที่สุดเป็นลำดับที่ 5 ในประวัติศาสตร์อเมริกัน และยังเป็นบันไดก้าวสำคัญบนเส้นทางการเมืองของเขาตลอดชีวิต

ทุกอย่างดูเหมือนกำลังไปได้สวย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชัยชนะในครั้งนั้นของนายไบเดน เกือบจะจบลงด้วยการที่เขาขอยอมแพ้ด้วยตัวเอง เพราะต้องเผชิญกับวิกฤติครั้งใหญ่ของชีวิต

🔵 วิบากกรรมชีวิต

ในช่วงที่เขากำลังศึกษามหาวิทยาลัย เขาพบกับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ เนลเลีย ฮันเตอร์ ทั้งคู่สานสัมพันธ์กันจนแต่งงานและมีลูกด้วยกัน 3 คน

ไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่เขาชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเชื่อได้ว่า น่าจะเป็นช่วงที่ว่าที่สมาชิกวุฒิสภาโจ ไบเดนในขณะนั้นกำลังมีความสุขมากที่สุด เพราะเขากำลังประสบความสำเร็จในชีวิตการงานและครอบครัว แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลก เมื่อภรรยาและลูกๆ ที่ขับรถไปซื้อต้นคริสต์มาส เตรียมฉลองกันในบ้านประสบอุบัติเหตุ

อุบัติเหตุในครั้งนั้น ทำให้ภรรยาและลูกสาวคนเล็กที่ตอนนั้นยังเป็นทารกเสียชีวิต ส่วนลูกชายอีก 2 คน คือโบและฮันเตอร์บาดเจ็บสาหัส

วิบากกรรมในครั้งนั้นทำให้เขาถอดใจแล้วว่า คงจะต้องถอนตัวจากการเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับความไว้วางใจจากคนในรัฐเดลาแวร์ เพื่อมาทุ่มเทดูแลลูกที่ป่วยหนัก แต่แล้วก็มีเสียงคัดค้านและทำให้เขาเปลี่ยนใจเดินหน้าบนเส้นทางการเมืองต่อไป จนเกิดเป็นภาพที่นายโจ ไบเดน สาบานตนเป็นสมาชิกวุฒิสภาสมัยแรก เบื้องหน้าเตียงที่มีโบ ลูกชายวัย 4 ปี นอนป่วยอยู่

ภาพนี้กลายเป็นภาพที่มีความสำคัญในชีวิตของเขาเป็นอย่างมาก เพราะในอีกมุมหนึ่ง ภาพนี้ได้สะท้อนถึงวิบากกรรมชีวิตของนายไบเดน ที่ทำให้บรรดาผู้สนับสนุนมองว่า เขาจะเป็นผู้นำสหรัฐฯ ที่มีความเข้าอกเข้าใจผู้คนที่เผชิญกับความยากลำบาก

เรื่องราวชีวิตของนายไบเดนระหว่างการเป็นสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ช่วงแรก ยังถูกนำมาเล่าต่อกัน โดยเฉพาะในช่วงการหาเสียงว่า เขาคือชายที่ยอมนั่งรถไฟไปกลับ 3 ชั่วโมงทุกวัน เพื่อไปทำงานเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และกลับบ้านไปดูแลลูกที่รัฐเดลาแวร์

จากวันที่เจ็บป่วยเพราะอุบัติเหตุ เด็กชายโบ ไบเดน ลูกชายคนโตของโจ ไบเดน เติบโตขึ้นมาเป็นหนุ่ม และถูกมองว่าเป็นอนาคตทางการเมืองคนสำคัญต่อทั้งครอบครัวไบเดนเอง และของพรรคเดโมแครต แต่ก็มีข่าวเศร้าอีกครั้งเมื่อปี 2558 โบ ไบเดน เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสมอง และก็เป็นอีกครั้งที่คนอเมริกันได้เห็นภาพความเสียใจของพ่อคนหนึ่งที่เสียลูกไปก่อนวัยอันควร

ปัจจุบันนายโจ ไบเดนเหลือฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายอีกคนที่ตลอดการเลือกตั้งครั้งนี้ เขาตกเป็นเป้าโจมตีอย่างมากถึงชีวิตในอดีตที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และข้อกล่าวหาว่าใช้อำนาจของพ่อเมื่อครั้งเป็นรองประธานาธิบดี หาประโยชน์ในต่างประเทศ

ส่วนชีวิตรัก โจ ไบเดน เริ่มมีรักครั้งใหม่กับจิล ไบเดน ซึ่งแต่งงานกัน 5 ปีหลังจากที่เขาสูญเสียภรรยาคนแรก โดยโจและจิลมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน

🔵 ชีวิตงานในฐานะสมาชิกวุฒิสภา

นับตั้งแต่วันนั้นเขาก็เป็นสมาชิกวุฒิสภาจากรัฐเดลาแวร์มาโดยตลอด นายโจ ไบเดน เคยลงมติสนับสนุนให้สหรัฐฯ ทำสงครามกับอิรักเมื่อปี 2545  แต่ในเวลาต่อมา นายโจ ไบเดน ยอมรับว่า นั่นเป็นการโหวตที่เป็นการตัดสินใจผิดพลาด และประกาศต่อต้านการเพิ่มกำลังในอิรักในปี 2550

ส่วนอีกงานที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงกันมากคือการผลักดันกฎหมายอาชญากรรมเมื่อปี 2537 ที่ถูกโจมตีว่าไม่ได้ให้ความยุติธรรมกับคนต่างเชื้อชาติ แต่ประเด็นนี้ก็ถือว่ามีความซับซ้อน เพราะบางส่วนก็หยิบเอาบริบทในช่วงเวลานั้น รวมถึงดุลยพินิจในการพิจารณากฎหมายที่แตกต่างกันในแต่ละรัฐมาแก้ต่างให้นายไบเดน

🔵 นักสู้ในสนามประธานาธิบดี

เส้นทางการเมืองที่ก้าวหน้าของนายโจ ไบเดน ทำให้เขาถูกวางตัวเป็นนักการเมืองดาวรุ่งของพรรคเดโมแครตตั้งแต่ยังหนุ่ม ก้าวสำคัญในชีวิตการเมืองของนายไบเดนเกิดขึ้นในวันที่เขามีอายุ 46 ปี

ในตอนนั้นคือปี 2531 เขาประกาศตัวชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก แต่แล้วเขาก็ต้องถอนตัว เพราะมีคนจับสังเกตได้ว่า ในการปาฐกถาครั้งหนึ่ง ข้อความที่เขาพูดบนเวที ดูคล้ายจนถูกมองว่าไปลอกบทปาฐกถาของนายนิล คินนิค หัวหน้าพรรคแรงงานอังกฤษมาพูด

นายไบเดนไม่ละความพยายาม โดยเสนอตัวเป็นผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2551 แต่เขาก็มีแรงสนับสนุนไม่พอเมื่อเทียบกับนักการเมืองหนุ่มไฟแรง อย่างนายบารัค โอบามา จนต้องเปิดทางให้นายโอบามา เป็นตัวแทนพรรคชิงเก้าอี้ในทำเนียบขาวแทน

แต่นายโอบามาก็เลือกนายโจ ไบเดน ร่วมเส้นทางสู่ทำเนียบขาวในฐานะผู้ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และทั้งคู่ก็เป็นคู่หูประจำทำเนียบขาวตลอดการดำรงตำแหน่ง 2 สมัย รวมระยะเวลา 8 ปี

🔵 รองประธานาธิบดีของโอบามา

รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน รับหน้าที่บริหาร มีส่วนสำคัญด้านการเจรจางบประมาณ รวมไปถึงมีส่วนวางบทบาทกองทัพสหรัฐฯ ในอิรัก ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาถนัด

การทำงานระหว่างโอบามากับไบเดนถูกมองว่าทั้งคู่เข้าขากันได้ดี เติมเต็มซึ่งกันและกัน และในช่วงท้ายวาระที่ 2 ของการดำรงตำแหน่ง ทั้งสองคนก็มีโมเมนต์ประทับใจต่อกันมาก

ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือช่วงที่อดีตประธานาธิบดีโอบามา สร้างเซอร์ไพร์ส มอบเหรียญเกียรติยศด้านเสรีภาพให้กับนายไบเดน ช่วงเวลาในตอนนั้นยังตราตรึงหลายต่อหลายคนที่ติดตามทั้งคู่มาตลอด เพราะนายไบเดนประทับใจถึงกับต้องหลั่งน้ำตาออกมา

มิตรภาพระหว่างนายโอบามาและนายไบเดนที่หลายคนบอกว่าเป็นคู่โบรแมนซ์ (Bromance) หรือเป็นความรัก ความผูกพันระหว่างชายสองคนที่ถูกชะตากัน ยังสะท้อนให้เห็นจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ ที่นายโอบามาทุ่มเทช่วยหาเสียงให้กับนายไบเดนอย่างเต็มกำลัง แม้จะถูกมองว่า ส่วนหนึ่งที่นายโอบามาออกมาช่วยหาเสียงเต็มที่ เพราะไม่อยากให้ซ้ำรอยนางฮิลลารี คลินตัน ที่แพ้เลือกตั้งให้กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อ 4 ปีก่อน

🔵 ไบเดนกับความพยายามครั้งที่ 3

หลังสิ้นสุดวาระรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลายคนเชื่อว่านายโจ ไบเดน คงยุติเป้าหมายการเมืองไว้ที่ตำแหน่งนี้แล้ว แต่ไม่ว่าจะด้วยความมุ่งมั่นส่วนตัว หรือสถานการณ์บังคับก็ไม่อาจทราบได้ นายโจ ไบเดน กลายเป็นบุคคลที่พรรคเดโมแครตเลือกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ  ชิงเก้าอี้จากนายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ในการเลือกตั้งครั้งนี้

แม้ความพยายามครั้งที่ 3 ในการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ รอบนี้ ดูเหมือนจะมาไกลกว่าครั้งก่อนๆ แถมยังมีแรงสนับสนุนทั้งจากในพรรคเดโมแครต ไปจนถึงคนต่างพรรคจำนวนหนึ่งที่เทใจมาให้นายโจ ไบเดน แต่เขาก็ถูกปรามาสว่า ที่ได้แรงเชียร์มากมายขนาดนี้ไม่ได้มาจากผลงานหรือบารมีจากตัวเขาเอง แต่มาจากความพยายามโค่นนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะเดียวกันอายุที่มากกว่าประธานาธิบดีคนก่อนๆ ก็เป็นอีกจุดอ่อนที่นายโจ ไบเดนถูกโจมตีมาตลอด แม้ว่าเขาจะยืนยันว่ามีสุขภาพแข็งแรงก็ตาม

ทั้งหมดนี้คือชีวิตของนายโจ ไบเดน นักการเมืองอเมริกันที่มีกราฟชีวิตโลดโผนราวกับนิยาย ที่กำลังฝ่าด่านสุดท้ายสู่การเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป