สัมภาษณ์เจ้าของครีมอีฟส์ เลือกโฟกัสเป็นพรีเซนเตอร์ ให้โอกาสนักแสดงที่พูดเรื่องการเมือง

“ผมเข้าไปดูโพสต์ของน้องเห็นน้องตั้งสเตตัสว่าหนูเลือกทางนี้แล้ว ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นฝากพี่ๆ ช่วยหนูด้วยนะ หนูจะได้มีเงินผ่อนบ้าน ตอนนั้นผมสงสัยว่าทำไมอาชีพนักแสดง เมื่อออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองแล้วงานต้องเท่ากับศูนย์”

เริ่มต้นจากรับครีมมาติดโลโก้ขาย

‘โน๊ต’ หรือ ‘ณัฐพล คงสุวรรณ์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟคอร์เปอเรชั่น จำกัด (EVES CORPORATION CO.,LTD) เล่าว่า ตอนที่เขาเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นการเริ่มต้นจากศูนย์ ทั้งในแง่ของความรู้และกำลังทรัพย์ เพราะหลังเรียนจบและออกมาทำงานประจำได้ช่วงสั้นๆ โน๊ตก็ตัดสินใจลาออกมาพร้อมกับเงินเก็บอยู่ก้อนเล็กๆ ด้วยความตั้งใจที่ไม่อยากทำงานภายใต้ใคร อยากลองเป็นเจ้านายตัวเอง

หลังทดลองจับหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจร้านลูกชิ้น ธุรกิจร้านเสื้อผ้าขายปลีก หรือแม้กระทั่งวนกลับเข้าสู่ชีวิตมนุษย์เงินเดือนอีกครั้งเพื่อที่จะลาออกเป็นครั้งที่สองก็ยังไม่พบกับเส้นทางที่ดูเหมือนจะไปต่อได้ จนกระทั่งโน๊ตตัดสินใจนำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าจากร้านเสริมสวยของแม่มาวางขายในร้านเสื้อผ้าและเริ่มได้รับความนิยมจากลูกค้าหลายคน

“ตอนนั้นเราขายครีมทั้งหน้าร้าน ทั้งทาง facebook ที่พึ่งเริ่มเข้ามาฮิตในประเทศไทยใหม่ๆ ในช่วง 9 ปีก่อน จนสุดท้ายสินค้ากลับขายดีมากจนเราไม่มีเวลาทำร้านเสื้อผ้าค้าปลีกที่ทำอยู่เดิม ตัดสินใจเลิกขายเสื้อผ้าและหันมาขายสกินแคร์เต็มตัว แต่เราไม่มีความรู้เลยจึงเป็นการรับมาขายบ้าง เอามาติดโลโก้แบรนด์บ้าง จนผ่านมาเกือบปีแล้วกับธุรกิจนี้ เราถึงรู้ว่าอะไรที่ถูกต้องและอะไรที่ไม่”

“โน๊ต” หรือ “ณัฐพล คงสุวรรณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟคอร์เปอเรชั่น จำกัด (คนกลาง)

ทันทีที่ ‘โน๊ต’ เริ่มเรียนรู้แนวทางในการทำธุรกิจที่ถูกต้องก็ตัดสินใจรีแบรนด์เป็น “พริตตี้อีฟ” โดยมี ‘อีฟ’ หรือ ‘วลัยพรรณ รัศมี’ คนรักและผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์เป็นเจ้าของเรื่องราวที่พริตตี้อีฟจะเสนอขายและแบ่งปันสิ่งดีๆ กับลูกค้า โดยอาศัยการจ้างโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐานเป็นผู้รับจ้างผลิตให้ หลังจากใช้เวลา 3 ปีสร้างฐานลูกค้าและเติบโตในธุรกิจสกินแคร์มียอดขายกว่า 2-3 แสนชิ้นต่อเดือน แบรนด์ก็ประสบปัญหาครั้งใหญ่

เพราะโรงงานที่รับผลิตสินค้าให้กับพริตตี้อีฟมาโดยตลอดเริ่มไม่ได้มาตรฐานอย่างที่เคย สร้างความเสียหายให้กับแบรนด์ สร้างความเสียหายให้กับลูกค้า และโรงงานก็ปฏิเสธความรับผิดชอบ ตอนนั้นโน๊ตและอีฟจึงตัดสินใจหยุดธุรกิจเอาไว้ และส่งอีฟศึกษาทางด้านเครื่องสำอางค์และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เริ่มจากคอร์สสั้นๆ ลองผสมครีมด้วยมือ จนตัดสินใจเข้าศึกษาระดับปริญญาโท คณะการแพทย์แผนตะวันออก สาขาวิชาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยรังสิต

หลังสะสมความรู้และความมั่นใจกว่าปี โน๊ตกับอีฟจึงตัดสินใจเริ่มธุรกิจใหม่อีกครั้งภายใต้แบรนด์ ‘EVE’S’ ที่หมายถึง “ของอีฟ” เพราะอีฟทำ อีฟใช้ และอีฟผลิตด้วยตัวเอง หลังตั้งไข่อีกครั้ง แบรนด์อีฟส์ใช้เวลา 1-2 ปีในการปรับตัวให้แข็งแกร่ง สร้างโรงงานสำหรับผลิตสินค้าของแบรนด์โดยเฉพาะ ผนึกกำลังกับพาร์ทเนอร์ทางคนใหม่ที่เข้ามาช่วยดูทางด้านการตลาดอย่าง ‘จ๋า’ หรือ ‘ดวงใจ พิจิตอําพล’ จนสามารถสร้างยอดขายทะลุ 1 ล้านชิ้นต่อเดือน ซึ่งนำมาสู่การก่อสร้างโรงงานหลังที่ 2 และการขยายตัวต่อเนื่อง

โฟกัส จีระกุล พรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์อีฟส์ ในรอบ 9 ปี

ปรับระบบ ชูตัวแทน ปลุกยอดขาย

ระหว่างทาง “โน๊ต” เคยประสบกับปัญหากับไฟที่เริ่มมอดลง

“หลังจากทำธุรกิจมาเข้าปีที่ 7 ผมเริ่มหมดไฟและอิ่มตัวกับการทำธุรกิจ แต่จังหวะนั้นเป็นช่วงเวลาที่เราได้นัดพูดคุยกับตัวแทนจำหน่ายที่เราทำงานด้วยกันมาตลอดเป็นครั้งแรก ผมได้ไฟในตัวกลับมาอีกครั้งตอนนั้น ผมได้รู้ว่าอีฟส์เป็นความหวังและอาชีพของใครอีกหลายๆ คน รวมทั้งได้รับความไว้วางใจจากตัวแทนมหาศาล หลังจากนั้นจากเดิมที่อีฟส์เคยขายเองกว่า 60-70% จึงปรับระบบมาเป็นการขายด้วยตัวแทน 100% โดยหวังจะให้อีฟส์เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนชีวิตที่ดีให้กับคนอื่นๆ นอกจากเจ้าของแบรนด์ด้วย

การปรับเปลี่ยนครั้งนั้นทำให้อีฟส์มียอดขายที่โตขึ้นถึง 2 เท่าและทำให้อีฟส์สามารถดูแลลูกค้าได้ทั่วถึงมากขึ้นกว่าเดิมผ่านระบบตัวแทนที่ไว้ใจได้ โดยปัจจุบันมีตัวแทนราว 3,000 ราย ทั้งในไทย ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และยุโรป

ภาพจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ: โฟกัส จีระกุล

ความท้าทายใหม่ ให้โอกาส “ดาราการเมือง”

และอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของอีฟส์ที่ยังไม่รู้ผลลัพธ์ก็เริ่มขึ้น เมื่อแบรนด์ตัดสินใจใช้ ‘โฟกัส จีระกุล’ นักแสดงหญิงผู้มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่องแฟนฉันและหัวหอกศิลปินฝั่งประชาธิปไตยผู้ออกมาเปล่งเสียงเรียกร้องความยุติธรรมทางการเมือง

“ที่ผ่านมาผมอยู่ฝั่งประชาธิปไตยมาโดยตลอด ไม่ได้ดูถูกคนอีกฝั่ง แต่ก็เชื่อในสิ่งนี้ ตอนนั้นผมเข้าไปดูโพสต์ของน้องโฟกัสเห็นน้องตั้งสเตตัสว่าหนูเลือกทางนี้แล้ว ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นฝากพี่ๆ ช่วยหนูด้วยนะ หนูจะได้มีเงินผ่อนบ้าน ตอนนั้นผมสงสัยว่าทำไมอาชีพนักแสดง เมื่อออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองแล้วงานต้องเท่ากับศูนย์ เขาทำเพื่อส่วนรวมได้ ทำเพื่อประเทศชาติได้ แล้วเขาต้องเสียสละตัวเองและไม่มีงานหรอ ตอนนั้นผมเลยคิดว่าถ้ามีโอกาสจะต้องสนับสนุนคนนี้”

แต่กว่า 9 ปีที่ผ่านมา อีฟส์ไม่เคยมีพรีเซ็นเตอร์มาก่อน ตอนนั้นเพื่อให้มีความเหมาะสม โน๊ตจึงได้ทำการศึกษาผลงานของโฟกัสอย่างละเอียดที่น่าสนใจคือโฟกัสไม่เคยเป็นพรีเซ็นเตอร์มาก่อน และโน๊ตยืนยันว่าสิ่งที่ได้เห็นจากโฟกัสในเวลาที่น้องไลฟ์สดอยู่ตลาดนัดเวลาไปขายของคือ “เงา” ของเขาเอง เขาเห็นเงาของความจริงใจต่อลูกค้าและลูกเพจ เห็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ เพราะอีฟส์วางแผนจะเดินหน้าสู่อนาคตไม่ใช่ถอยหลัง ลูกค้าของอีฟส์เองก็จะต้องเป็นกลุ่มคนที่เดินไปข้างหน้าพร้อมกับแบรนด์เป็นคนของอนาคตไม่ใช่คนของอดีต

“ผมไม่เชื่อว่ากลุ่มเป้าหมายเราจะหายไป เพราะกลุ่มเป้าหมายของเราอยู่ตรงนี้แล้วต่างหาก แต่ถ้าถามว่าคุ้มมั้ยวันนี้อาจจะไวเกินไปที่จะตอบได้ด้วยน้องโฟกัสยังเข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้ไม่ถึง 1 เดือน ถึงอย่างนั้นก็คิดอยู่เสมอว่ามันจะต้องดีเหมือนกับที่ตัดสินใจเลือกแล้วดีมาตลอด 9 ปี เพราะอีฟส์เชื่อในความแข็งแกร่งของคุณภาพสินค้า การสั่งสมประสบการณ์ และความจริงใจที่มีให้กับผู้บริโภค”

โดยหลังจากผ่านการประกาศพรีเซ็นเตอร์คนใหม่อย่างเป็นทางการมาแล้วราว 15 วัน มีกระแสตอบรับในทางบวกอย่างชัดเจน ยอดผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียของแบรนด์เพิ่มขึ้นราว 20,000-30,000 ครั้ง และมียอดขายเติบโตขึ้นราว 30-40% เมื่อเทียบเดือนต่อเดือน โดยยอมรับว่าในขณะเดียวกันก็มีลูกค้าที่แสดงความไม่พอใจเข้ามาที่แบรนด์เช่นกัน แต่มีจำนวนไม่มากนัก

อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วแบรนด์ให้ความสำคัญกับลูกค้าใช้ซ้ำหรือลูกค้าประจำเป็นอย่างมาก จึงอาจจะต้องใช้เวลาจากนี้ราว 2 เดือนในการรับทราบยอดขายอีกครั้งว่าลูกค้าประจำเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร เพื่อให้ทราบถึงผลลัพธ์ทางการตลาดที่ชัดเจน แต่ในส่วนของแบรนด์มั่นใจในจุดแข็งด้านคุณภาพสินค้าและมีการเปิดให้ทั้งตัวแทนและลูกค้าสามารถเข้าชมโรงงานได้ในทุกวันอังคาร-พฤหัสบดีของทุกสัปดาห์

ในอนาคตนอกจากพรีเซ็นเตอร์อย่างโฟกัสแล้ว อีฟส์ยังย้ำว่าบริษัทฯ มีแผนจะขยายผลิตภัณฑ์จากสารสกัดจากสินค้าเกษตรไทย โดยหวังให้อีฟส์สามารถเชื่อมโยงรายได้ไปสู่เกษตรกรไทยได้ คาดว่าไม่เกิน 2-3 ปีจะสามารถผลักดันได้แล้วเสร็จ