SHARE

คัดลอกแล้ว

“ผมว่าเราเองทุกคน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่ บริษัทเล็ก บริษัทกลาง โดนโควิดเล่นงานไม่ว่ามากก็น้อยต่างกันไป หลายๆ คน เวลาเจอปัญหานอนก่ายหน้าผาก คิดไม่ตก กลุ้มใจ….ความหวังของผมนี่น่ะ ถ้าเป็นผม ผมเจอปัญหาคิดไม่ออก ผมไม่อยู่เฉย อาจจะคิดแก้ไขปัญหาภาพใหญ่ไม่ได้ เราคิดแก้ไขภาพเล็กก่อน ผมตื่นก่อน ตื่นเช้าเป็นพิเศษออกมาทำงาน เสาร์-อาทิตย์ก็ออกไปทำงานก่อน ไม่รู้จะไปไหน ก็ไปตรวจไซต์งาน ไปดูสิตัดหญ้าดีไหม ฉาบปูนตรงไหม ลูกค้าเป็นยังไงบ้าง ให้กำลังใจเซลล์ คือมันต้องทำ มันต้องตื่นมาทำ มันต้องมีความหวังว่าวันหนึ่ง มันจะดีขึ้น

ถ้าคุณทำอย่างนี้ไป คุณจะมีความพร้อม แล้วอย่าไปคิดเยอะว่าโอ้โห ปัญหามันใหญ่โตมโหฬาร สถาบันการเงินมีปัญหา รัฐบาลอ่อนแอ การเมืองไม่ดี คืออย่าไปคิดเยอะ เราคิดว่าเราเป็นน็อตตัวเล็กๆ หรือฟันเฟืองเล็กๆ ในเครื่องจักรที่ตัวใหญ่ ถ้าเป็นพนักงานก็ทำหน้าที่พนักงาน ถ้าเป็นแสนสิริก็ทำหน้าที่แสนสิริ ทำหน้าที่ตัวเอง แล้วเครื่องจักรมันก็หมุนไปได้เอง ผมมีความเชื่ออย่างนี้นะครับ คือต้องสู้ ต้องมีความหวัง ต้องตื่นขึ้นมาทำ” เป็นไฮไลท์ในการแถลงของ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ออกมาแถลงภาพรวมการทำธุรกิจในปี 2563 ด้วยตนเองในรอบ 7-8 ปี

เศรษฐา เริ่มต้นการแถลงด้วยการยอมรับว่า ในปีที่ผ่านมา โควิด-19 ถือเป็น “อภิมหาวิกฤติ” ที่กระทบคนทั่วโลก ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ที่ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมาก และเรื่องใหญ่ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำได้ขนาดนี้ เมืองไทยจากเคยเป็นสวรรค์การท่องเที่ยวอันนึงของโลก นักท่องเที่ยวกลายเป็นศูนย์ ไม่เว้นแม้แต่อาชีพที่เกี่ยวข้องธุรกิจสายการบิน มีคนตกงานจำนวนมาก สะท้อนว่า “เราใช้ชีวิตเหมือนเดิมต่อไปอีกไม่ได้แล้ว”

ปี 2563 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยถดถอย เติบโตติดลบถึง 6.6% เกือบเท่ากับยุควิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งเมื่อ 20 ปีก่อน ซึ่งมองว่าอาจฟื้นตัวได้ยากกว่า เพราะสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น กำลังซื้อที่ลดลง ค่าเงินบาทแข็ง กระทบการส่งออก และการท่องเที่ยวที่หยุดชะงัก

ส่งสัญญาณกำลังซื้อทรุด จี้รัฐ “ลดดอกเบี้ยกู้-ยกเลิก LTV” อุ้มเอสเอ็มอี

ขณะที่ธุรกิจเอสเอ็มอี ถือเป็นเครื่องจักรสำคัญที่ผลักดันเศรษฐกิจไทยไปข้างหน้า เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง การที่รัฐบาลออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ soft loan มาประมาณ  5 แสนล้านบาทนั้นเป็นไอเดียที่ดี แต่การปฏิบัติมีปัญหา เพราะเอสเอ็มอี สามารถเข้าถึงได้แค่ 1 ใน 3 เท่านั้น

ส่วนภาคอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ยังต้องพึ่งกำลังซื้อเป็นหลัก เมื่อกำลังซื้อหด คนตกงาน ธุรกิจเราก็ไม่ดีนะครับ ปัญหาเก่าๆ ไม่ว่าจะเป็น LTV หรือ loan-to-value ratio (มาตรการที่กำหนดวงเงินที่ผู้กู้จะกู้ซื้อบ้านได้) ดอกเบี้ยยังสูงอยู่

“เหตุผลที่รัฐทำ LTV ออกมาเพื่อต้องการกำจัดการเก็งกำไรของการซื้ออสังหาฯ ผมถามตรงๆ วันนี้ถ้าพูดถึงการเก็งกำไรอสังหาฯ ไม่ใช่เล่นตลกนะครับ ตอนนี้ไม่มีกิน ไม่มีใช้อยู่แล้ว คงไม่มีใครเก็งกำไรอสังหาฯ หรอกครับ ผมแนะนำให้ยกเลิกเถอะ ต้องยกเลิก เพราะอสังหาฯ เป็นธุรกิจที่มี Multiplier Effect สูงมาก ถ้าคุณซื้อบ้าน ซื้อคอนโด ซื้อทาวน์เฮาส์ แน่นอนว่าธุรกิจสี  ซีเมนต์ เหล็ก เฟอร์นิเจอร์ แอร์ หรือเครื่องครัว ธุรกิจต่อเนื่องก็จะมา เราจะไปกันได้ เพราะดีมานด์ยังมี”

เศรษฐา กล่าวอีกว่า ไม่ว่าจะเป็นโควิด หรือมาตรการรัฐที่ยังไม่ชัดเจน เปรียบเสมือนอาวุธสงครามที่กระหน่ำใส่คนไทยทุกระดับ โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็โดนลูกใหญ่ ผู้ประกอบการต้องปรับตัว ซึ่งใครปรับตัวได้เร็วกว่า “Speed to Market” ได้รัดกุมกว่าก็รอด และสามารถโตสวนกระแสได้

“สิ่งเหล่านี้ที่พูด เหมือนอาวุธสงคราม ไม่ว่าจะเป็นโควิด หรือมาตรการรัฐที่ยังไม่ชัดเจน อาวุธสงครามที่กระหน่ำใส่คนไทย โดนทุกระดับ ระดับสูง-กลาง-ล่าง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็โดนลูกใหญ่ ผู้ประกอบการเองต้องปรับตัว ถ้าไม่ปรับตัวก็แย่ ใครปรับตัวได้เร็วกว่าใช้คำว่า “Speed to Market” ได้รัดกุมกว่าก็รอด และสามารถโตสวนกระแสได้ เพราะบ้าน ยังไงก็ยังเป็นปัจจัยสี่อยู่ดี มีดีมานด์จริงลูกค้าแค่รอเวลา รอจังหวะ รอโปรโมชั่นที่เหมาะสม ทำให้เขาเข้าถึงในการซื้อขายบ้านได้ โดยไม่ต้องพะวงถึงสภาพเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง”

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

เปิด 3 กลยุทธ์ พา ‘แสนสิริ’ ยอดโอนทะลุ 4.5 หมื่นล้าน แข็งแกร่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 36 ปี 

แม้จะเจอวิกฤต ด้วยความท้าทายมากมาย เศรษฐา ย้ำว่า ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่แข็งแกร่งของแสนสิริ ตลอดการดำเนินธุรกิจ  36 ปีที่ผ่านมา แสนสิริได้ผ่านวิกฤตมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตต้มยำกุ้ง วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งก็มีความระมัดระวังในการทำธุรกิจ  และปีที่ผ่านมา (ปี 2563) ก็เป็นปีที่ต้องยอมรับว่ายากจริงๆ แต่แสนสิริก็สามารถเติบโต แข็งแกร่ง ก้าวไปข้างหน้าได้ท่ามกลางวิกฤตได้ ด้วย 3 กลยุทธ์

“ในทุกวิกฤต ย่อมมีโอกาสเสมอ ถ้าเราแข็งแกร่งพอ มองเห็นโอกาสและสามารถฉกฉวยโอกาสนั้นได้”

  1. Speed to Market คือการทำธุรกิจด้วยความเร็ว ปรับตัวเร็วทันต่อสถานการณ์ ส่งผลให้ไตรมาส 1 และไตรมาส 2 โตสวนกระแสเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าจะมีการล็อกดาวน์เกิดขึ้น ยอดขาย (Presale target) อันดับ 1 ในช่วงครึ่งปีแรก 26,000 ล้านบาท ในช่วง 6 เดือนแรก สูงขึ้นกว่าปี 2562 ถึง 148 %
  2. Customer – Centric Strategy การเข้าใจลูกค้าช่วยให้ลูกค้าซื้อที่อยู่อาศัยได้ รวมถึงมีการให้บริการ และแคมเปญการขายที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่แท้จริง เช่น ‘Sansiri Care’ ดูแลลูกค้าอย่างรวดเร็วเพื่อให้ความปลอดภัยและอุ่นใจในช่วงโควิด-19, ‘แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน’ ถือเป็นแคมเปญที่โดนใจและประสบความสำเร็จอย่างสูง มาจากหลักคิดที่ลูกค้ากังวลสภาพเศรษฐกิจของตัวเอง ทำให้ตัดสินใจซื้อง่าย ในไตรมาสแรกปีนี้จึงนำโปรโมชั่นนี้มาใช้อีกครั้ง ขณะเดียวกันให้ความสำคัญเรื่องบริการหลังการขายหรือ Sansiri Service เป็นอันดับแรก ซึ่งเป็นจุดแข็งของแสนสิริ ตลอดจนการใส่ใจสิ่งแวดล้อม Sustainability เนื่องจากผลวิจัย ระบุว่า ลูกค้ายุคใหม่ให้ความใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมสูง และเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อบ้าน
  3. Cash Flow Strategy การบริหารกระแสเงินสด แสนสิริขายสินค้าคงเหลือออกไปได้เยอะมาก ปิดการขายไปได้ 35 โครงการ มูลค่าสูงสุดถึง 64,600 ล้านบาท ทำให้มีเงินสดกลับมาในมือ (Cash is King) ลดอัตราหนี้สินและมีสภาพคล่องในมือกว่า 15,000 ล้านบาท ช่วยลดอัตราหนี้สิน Gearing ratio ลดลงจาก 1.7 อยู่ที่ 1.3 สะท้อนความแข็งแกร่งทางการเงินที่เปรียบเหมือนภูมิคุ้มกันอย่างดีที่ช่วยให้แสนสิริหล่อเลี้ยงธุรกิจโดยไม่สะดุด ไม่ว่าสถานการณ์ใน ปี 2564 จะเป็นอย่างไร

“ปีที่ผ่านมา แสนสิริมีการดำเนินธุรกิจที่เป็นไปตามเป้า มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินจากการที่ได้ปรับแผนตลอดเวลาในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ปีที่แล้วแสนสิริเปิดตัวโครงการทั้งหมด 12 โครงการมูลค่า 15,000 ล้านบาท ยอดขายเป็นไปตามเป้า 35,000 ล้านบาท โตกว่าปีก่อน 67% เช่นเดียวกับยอดโอนที่ตามเป้า และเป็นเรื่องที่น่ายินดี เป็นยอดที่สูงที่สุดของบริษัทนับตั้งแต่ก่อตั้งมา คือ 45,000 ล้านบาท โตจากปีก่อน 45 %” เศรษฐา เปิดเผย

ส่วนภาพรวมปี 2564  เมื่อย้อนดูจากช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 พบว่า ยังมีความไม่แน่นอนสูงมาก แม้ว่าประเทศไทยถือเป็นประเทศที่บริหารจัดการสถานการณ์โควิดได้อย่างดีเยี่ยม ระบบสาธารณสุขมีความแข็งแกร่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลกก็ตาม แต่ยังมีการหละหลวมลักลอบเล่นการพนันในบ่อน และลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ไม่มีการตรวจคัดกรอง ส่งผลให้มีการระบาดระลอกใหม่ขึ้นมา จึงสะท้อนว่าตราบใดที่ยังมีโควิด-19 ในโลกนี้ ก็ยังต้องอยู่กับความผันผวนทางเศรษฐกิจต่อไป ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องวัคซีน จากที่เคยถือเป็นความหวังสูงสุดของคนไทย แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีดราม่าต่างๆ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะยังเป็นความหวังสูงสุดจริงรึเปล่า

ขณะที่กำลังซื้อ เศรษฐา เชื่อว่า กำลังซื้อจะยังไม่กลับมาในช่วง 1 ปี หรือใน 18 เดือนข้างหน้านี้ ที่ผ่านมาก็ยังดีใจที่มีมาตรการออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น 2 แสนล้านกระตุ้นเศรษฐกิจ, ชิมช้อปใช้, คนละครึ่ง, ซอฟต์โลน มาตรการเหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะมาตรการลดดอกเบี้ย เพราะเป็นการทำให้เงินอยู่ในกระเป๋าได้จริง และกำลังซื้อก็จะกลับมา

เจาะกลุ่มตลาดแมส ในรอบ 10 ปี จับเรียลดีมานด์คนรุ่นใหม่ ด้วยทำเลทองราคาล้านต้นๆ

“ทิศทางอสังหาริมทรัพย์ แน่นอนว่าจะต้องล้อไปกับเศรษฐกิจโดยรวม” เศรษฐา กล่าวว่า หากเศรษฐกิจดี ธุรกิจเราก็จะดี เพราะอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยสายป่านที่ยาว โดยมองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางและขนาดเล็กยังเหนื่อย ทั้งเรื่องแบรนด์ การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ การบริการหลังการขาย ซึ่งด้อยกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ ขณะที่รายใหญ่เองก็ลงมาสู้ทุกตลาด โดยคาดว่าปีนี้ ธุรกิจขนาดกลางและเล็กจะออกมาขายทั้งโครงการหรือที่ดินเปล่า

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปี 2564 ยังเป็นปีแห่งความหวัง The Year Of Hope ซึ่งไม่ใช่แค่ความหวังของแสนสิริ แต่เป็นความหวังของลูกค้า สังคมและคนไทยทุกคน เริ่มที่ความหวังในการมีบ้านของคนไทย แสนสิริจะเปิดตัวโครงการแนวราบ ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบ้านของคนทุกกลุ่ม ในทุกๆ Segment ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินกู้ ราคา และการให้การบริการ จะโฟกัสที่กลุ่ม Real Demand มากขึ้น ภายใต้แบรนด์ สิริเพลส อณาสิริ สราญสิริ รวมไปถึงตลาดระดับบนอย่างบุราญสิริ

นอกจากนี้ จะมีการเปิดตัวคอนโดแนวคิดใหม่ เพื่อให้คนรุ่นใหม่มีบ้านได้ง่ายขึ้น ในราคาที่เข้าถึงได้ ในช่วงอายุที่ 18-30 ปี ทำเลที่ตั้งใจกลางเมือง ย่านเกษตรฯ รามคำแหง รัชดา และบางนา ถือว่าเป็นทำเลที่ดีมาก มีสังคม มีความเจริญ ซึ่งเป็นทำเลที่แสนสิริได้ซื้อที่ดินแล้ว และพร้อมที่จะเปิดตัว ราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาทเศษ หลังจากแสนสิริไม่ได้ทำคอนโดระดับนี้มากว่า 10 ปีแล้ว

พร้อมทั้ง เตรียมเปิดตัวทาวน์โฮมระดับบน ภายใต้ชื่อสิริเรสซิเด้นซ์ แบรนด์ใหม่ BUGAAN เจาะกลุ่ม Young successor คนรุ่นใหม่ที่มีอิสระในความเป็นอยู่ ซึ่งในปีนี้แสนสิริจะมีโครงการที่หลากหลายในระดับราคา เปิดตัวหลายทำเล ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อให้คนไทยสามารถมีบ้านที่เข้าถึงได้ ในราคาเหมาะสมในทำเล และดีไซน์ที่มีความต้องการ

ขณะที่ ความหวังในการเสริมความแข็งแกร่งของแสนสิริ จากปัจจุบันที่มีความแข็งแกร่งด้วยเงินหมุนเวียน 15,000 ล้านบาท นายเศรษฐา มั่นใจว่า ปี 2564 แสนสิริจะแข็งแกร่งขึ้นอีก โดยยังโฟกัสไปที่ Speed to Market เปิดตัวโครงการขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่กระจายไปทั่วหลายทำเล เพื่อให้คนเข้าถึงได้ ยอดโอนของต่างชาติก็ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ของโควิด-19

ขณะที่กระแสเงินสดในช่วงปีที่ผ่านมา แสนสิริมีความระมัดระวังอย่างมาก โดยจะคงไว้ซึ่งระเบียบวินัย ในการรักษาระบบระดับหนี้สินที่ต้องควบคุมได้ต่อไป พร้อมกันนี้จะต้องปรับโครงสร้างองค์กร ใช้คนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้โอกาสในการเติบโตอย่างทัดเทียมกัน

ทั้งนี้ ในภาวะเช่นนี้อาจจะมีผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก นำที่ดินออกมาขาย ซึ่งเป็นโอกาสของแสนสิริที่จะเลือกซื้อสินทรัพย์เหล่านี้ พร้อมยืนยันว่าไม่ใช่แค่ผลดีกับแสนสิริอย่างเดียว แต่เป็นผลดีกับเศรษฐกิจและสังคมด้วย เพราะการที่เข้าไปช่วยซื้อทำให้ไม่เกิดหนี้เสียเข้าระบบ สถาบันการเงินก็มีความแข็งแกร่ง อีกทั้งยังช่วยพยุงเพื่อนร่วมธุรกิจขนาดเล็กและกลางให้อยู่รอดได้ โดยไม่ต้องปิดตัวลง

“เราได้ตั้งงบในการซื้อที่ดิน  5- 7 พันล้าน ส่วนราคาที่ดินจะลดหรือเพิ่ม ขึ้นอยู่กับทำเล ถ้าทำเลที่มีระบบสาธารณูปโภคไปถึง แนวรถไฟฟ้าอาจจะลด ซึ่งพูดภาพรวมยังลำบากต้องเจาะไปแต่ละพื้นที่”

อย่างไรก็ตาม ในปี 2564 แสนสิริจะเปิดตัวโครงการ 24 โครงการ มูลค่า 26,000 ล้านบาท โดยเน้นไปที่โครงการที่มีระดับราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น คิดเป็นสัดส่วนถึง 3 ใน 4 ของทั้งหมด เพื่อให้คนไทยมีบ้านหลังแรกได้ง่ายขึ้น โดยตั้งเป้ายอดขาย (Presale target) ไว้ที่ 26,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 16,000 ล้านบาท และคอนโด 10,000 ล้านบาท  ส่วนยอดโอน (Transfer target) ตั้งเป้าไว้ในระดับใกล้เคียงกันที่ 27,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเป้าแนวราบ 16,000 ล้านบาท และคอนโด 11,000 ล้านบาท มี backlog ที่แข็งแกร่ง คาดการณ์ว่าจะมีรายได้แตะ 27,700 ล้านบาท ในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ ยังมีความหวังในการคืนรอยยิ้มสู่ครอบครัวแสนสิริและสังคม โดยจะใช้แบรนด์ที่แข็งแกร่งของแสนสิริทำต่อ made for life เตรียมจับมือพาร์ทเนอร์รายใหญ่ในกลุ่มธุรกิจอาหาร คาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาสแรกของปีนี้

พร้อมมองว่า เอสเอ็มอี ที่กำลังประสบปัญหาเยอะ แสนสิริอาจจะต้องลดความความคาดหวังทางด้านกำไรลงบ้าง เพื่อจะนำส่วนหนึ่งมาช่วยซื้อสินค้าและการบริการจากเอสเอ็มอี ช่วยผลักดันธุรกิจเอสเอ็มอีผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ที่แสนสิริมีอยู่ช่วยขายมากขึ้น เพราะเอสเอ็มอี ก็คือฐานลูกค้าของแสนสิริ มากกว่านั้นก็คือเป็นเครื่องจักรในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

“เอสเอ็มอีขายของได้ ประเทศก็ไปรอด บ้านเราขายของได้ ประเทศก็ไปได้ครับ”

“ยืนยันว่าเมื่อทุกคนมีความหวัง เราจะก้าวผ่านปีนี้ไปด้วยกัน แสนสิริเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ที่อยู่ในเครื่องจักรไทยแลนด์ขนาดใหญ่ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทย”

แม้ว่า เศรษฐา จะยอมรับว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะไม่โตมากไปกว่านี้ในระยะเวลาอันใกล้ แต่เขาเชื่อว่าแบรนด์ ‘แสนสิริ’ จะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในใจผู้บริโภค แต่การที่ยักษ์ใหญ่ลงมาฟาดฟันส่วนแบ่งในตลาดระดับแมส ก็ทำให้เขาอดเป็นห่วงไม่ได้ถึงยอดอัตราปฏิเสธคำขอเงินกู้ (Rejection Rate) ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะปีที่ผ่านมามีประมาณ 30% ซึ่งถือว่าสูงแต่เชื่อว่าปีนี้จะสูงขึ้นอีก ซึ่งหน้าที่สำคัญของแสนสิริ ไม่ใช่แค่ขายบ้าน แต่ต้องให้คำแนะนำลูกค้าในการจัดการทางการเงินได้ เพื่อผูกสัมพันธ์ไว้ด้วย

“สมมติวันนี้ยังติดเรื่องเครดิตบูโรอยู่ เราก็แนะนำให้ไปเคลียร์มาผูกสัมพันธ์ไว้ ดูแลจนกว่าจะเป็นลูกค้าเรา”

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า