Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ย่านราชปรารภในห้วงเวลาที่ประเทศไทยพยายามกู้คืนสถานการณ์จากโควิดระลอกที่สองเงียบเหงากว่าที่เคย สองฟากฝั่งถนนที่เคยมีบริษัทนำเที่ยวไทยหรือ ‘ทัวร์ไทย’ เปิดให้บริการอยู่อย่างคึกคักล้วนปิดตัวเงียบเหงา แต่ในบรรดาห้องแถวยาวที่รูดประตูลงมี ‘ร้านสีฟ้าๆ’ เจ้าของตึกแถวสองตึกเปิดให้บริการอยู่

ร้านสีฟ้าๆ ที่ว่านั่นคือ ‘หนุ่มสาวทัวร์’ ทัวร์ไทยที่เปิดบริการมากกว่า 40 ปีและยังตัดสินใจจะยืนหยัดต้านกระแสลมอันรุนแรงของโควิด-19 ไปจนสุดทาง  

‘ต้น’ หรือ ‘โชติช่วง ศูรางกูร’ เป็นทายาทรุ่นที่ 2 ของหนุ่มสาวทัวร์ หลังจากศุภฤกษ์ ศูรางกูร ผู้ก่อตั้งและคนดังวงการท่องเที่ยวเปิดทางให้ลูกชายฝาแฝดทั้งสองคนเข้ามารับช่วงต่อในกิจการที่เขาเป็นผู้สร้างมากับมือ ปัจจุบัน ‘ต้น’ ดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หนุ่มสาวทัวร์ จำกัด และเป็นหัวเรือใหญ่ให้กับหนุุ่มสาวทัวร์ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์การท่องเที่ยว

“ปีนี้จะหนักกว่าปีก่อน ปีก่อนหน้านั้นหลายคนยังสู้อยู่ เหมือนต่อยมวย เรากำลังสู้กับโควิดอยู่ ต่อยไปต่อยมา ต่อยไปต่อยมา เราเริ่มหมดแรงแล้ว โควิดมันยังแข็งแรงอยู่เลย ปีนี้เราจะโดนน็อค โดนน็อคไปเรื่อยๆ แล้วก็จะมีหลายธุรกิจที่จะประคองไม่ไหวแล้ว”

‘ต้น’ หรือ ‘โชติช่วง ศูรางกูร’รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หนุ่มสาวทัวร์ จำกัด

 โควิดระลอกสองแตกต่าง

ต้นเริ่มเล่าให้ workpointTODAY ฟังว่า ขณะที่เราทุกคนกำลังเผชิญหน้ากับโควิดอยู่ในตอนนี้ ผลกระทบของโควิดระลอกที่สองแตกต่างกันมากจากรอบแรก ในช่วงต้นปี 2563 บริษัททัวร์ส่วนมากจำเป็นจะต้องปิดตัวชั่วคราวตามคำสั่งของรัฐบาล เพื่อให้ลูกจ้างสามารถรับเงินชดเชยจากภาครัฐเป็นระยะเวลา 3 เดือน ก่อนที่จะกลับมาเปิดกิจการอีกครั้งในช่วงกลางปีและทัวร์ที่สามารถให้บริการการท่องเที่ยวภายในประเทศได้ก็เริ่มฟื้นตัวเป็นลำดับ

“แต่พอมารอบที่สองนี้มันแตกต่างจากรอบแรก เพราะตอนรอบแรกคนไม่ท่องเที่ยวเพราะคนกลัว จังหวะนั้นเราไม่รู้จักโควิด-19 ไม่รู้ว่ามันร้ายแรงแค่ไหน ทุกคนถึงได้กลัวไปหมด แต่จากวันนั้นมาจนถึงตอนนี้เรารู้จักมันมากขึ้นแล้ว แต่ถ้าถามว่าทำไมตอนนี้คนที่รู้จักมันอยู่แล้วถึงไม่เที่ยวก็คือเป็นเพราะเขากลัวอีกอย่างคือกลัวเสียทรัพย์”

นับตั้งแต่โควิด-19 แพร่ระบาดระลอกที่สองในพื้นที่สมุทรสาคร บริษัททัวร์ส่วนใหญ่รวมถึงหนุ่มสาวทัวร์ก็โดนลูกค้ายกเลิกการจองหลายรายโดน 100% หลายรายโดน 99% แต่ผลลัพธ์สุดท้ายไม่แตกต่างกันมากนัก “เพื่อนผมหลายคนตอนรอบแรกเขายังสู้อยู่นะ แต่พอรอบที่สองนี่เขาเลิกสู้แล้ว”

เพราะการฝืนเปิดให้บริการในช่วงที่การเดินทางยังไม่กลับมาเป็นปกติทำให้ทุนของผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางจมลงไปมากขึ้นเรื่อยๆ หลายรายจึงเลือกปิดกิจการชั่วคราว โดยในตอนนี้มีผู้ประกอบการทัวร์ไทยปิดให้บริการชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนดมากกว่า 90% 

รถบัสจอดนิ่ง ทัวร์ไทยกำลังลำบาก

“สำหรับหนุ่มสาวทัวร์เองจนถึงตอนนี้เรายังคงเปิดให้บริการตามปกติ แม้ว่ารายได้ของเราจะหายไปกว่า 95-97% เรียกได้ว่าติดตัวแดงทุกเดือน”

‘ต้น’ เล่าว่า ที่หนักที่สุดเลยตอนนี้คือ “ธุรกิจรถทัวร์โดยสาร” ที่หนุ่มสาวทัวร์มีอยู่ในความดูแลเช่นเดียวกับผู้ให้บริการคนอื่นๆ โดยมีรถบัสโดยสารกว่า 70 คันและรถตู้อีก 10 คัน เรียกว่าสถานการณ์หนักหนาสาหัสกว่าธุรกิจอื่นๆ ในเครือ เพราะนอกจากเงินเดือนพนักงานแล้ว ธุรกิจนี้ยังมีค่าใช้จ่ายประจำอื่นๆ สูง ไม่ว่าจะเป็นค่าซ่อมบำรุงประจำเดือนหลักแสนบาท รวมถึงค่าเสื่อมที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ โดยถึงตอนสุดท้ายที่โควิด-19 จากไป รถทัวร์โดยสารที่จอดนิ่งมามากกว่า 6 เดือนก็จะหมดอายุขัย จำเป็นต้องซื้อรถใหม่เข้ามาทดแทน

นอกจากนั้น ธุรกิจในเครืออย่างธุรกิจศึกษาต่อต่างประเทศก็จำเป็นจะต้องปิดตัวลงชั่วคราว ไม่สามารถทำรายได้เพิ่มได้ อย่างไรก็ตาม ถึงจะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่เป็นบวกมากนัก แต่หนุ่มสาวทัวร์ก็เชื่อว่าจะสามารถผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

“ผมการันตีกับพนักงานกับทุกคนเอาไว้แล้วครับ ว่าหนุ่มสาวทัวร์จะอยู่ได้และจะอยู่รอด ไม่ว่าจะด้วยวิธีการไหน สุดท้ายเราอาจจะต้องยอมให้ธุรกิจอื่นๆ ในเครือเจ็บเพิ่ม ให้โรงแรมในเครือของเรากู้เงินมาแล้วหนุ่มสาวทัวร์กู้ต่อ แต่เราจะผ่านมันไปได้”

เพราะอย่างนั้นหนุ่มสาวทัวร์จึงยังคงรักษาการจ้างงานเอาไว้ทั้งหมด แม้จะเหลือกระแสเงินสดสำรองแค่ 7 เดือน

‘ต้น’ หรือ ‘โชติช่วง ศูรางกูร’รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หนุ่มสาวทัวร์ จำกัด

ยังคงรักษาพนักงานตามฉบับ ‘หนุ่มสาวทัวร์’

“อย่างแรกเลยสำหรับผม หนุ่มสาวทัวร์เราเหมือนโรงเรียนน่ะครับ เรามีศิษย์เก่าอยู่เต็มไปหมดเลย มีงานรวมพลทีหนึ่งเรามีคนมาร่วมเกิน 300 คน ทั้งๆ ที่พนักงานปัจจุบันเรามีแค่ 70 เท่านั้น เพราะเรามีวัฒนธรรมและความผูกพันของเรา เราอยู่กันอย่างครอบครัว หนุ่มสาวทัวร์มีวัฒนธรรมองค์กรเป็นของตัวเอง พนักงานเรามีค่าและคนที่เคยเป็นคนของเราล้วนภูมิใจ”

โดยสาเหตุที่ทำให้หนุ่มสาวทัวร์สามารถรักษาการจ้างงานมาได้จนถึงจุดนี้เป็นเพราะต้นกับพ่อ (ศุภฤกษ์ ศูรางกูร) เลือกตัดเงินเดือนของตัวเองออกก่อน

“เราใช้หลักการ Leader eat last ครับ ผมกับพ่อเลยงดจ่ายเงินเดือนเราก่อนเลย ให้พนักงานเขาได้ก่อน ถ้าไม่มีเราก็ไม่เอา ถ้ามีเราค่อยเอา เพราะจุดนี้เราต้องคิดว่าเขาลำบากกว่า หลายคนมีหนี้สิน มีค่าใช้จ่ายจำเป็นที่ค่อนข้างที่จะลำบาก เราก็พยายามที่จะให้ความช่วยเหลือเขา เพราะฉะนั้น มันคงง่าย ถ้า จบปุ๊ป พอเหตุการณ์เราตัดให้เราตัวเบาเลย เพราะเรามีพนักงานประมาณ 70-80 คน ตัดให้เหลือ 20 เราตัวเบาผ่านวิกฤตมันก็จะง่าย แต่นั่นเป็นสิ่งที่เราตัดสินใจว่าจะไม่ทำ”

“เราใช้ใจในการพิจารณามากกว่าที่จะใช้สมอง เราไม่ได้ใช้หัว เพราะฉะนั้นพอมันเกิดเรื่องอะไรสักอย่าง เราไม่ได้ปวดหัว แต่เราปวดใจ มีพนักงานหลายคนที่เก่งๆ เขาก็ต้องไป เพราะเราเองก็จำเป็นที่จะต้องให้เข้าสลับกันมาทำงาน ก่อนหน้านี้เราไหวที่ 80% แต่ตอนนี้ก็ลดลงเหลือแค่ 50%”

เลือกปรับตัวสู้ต่อ หาตลาดเพิ่ม

ทายาทรุ่นที่ 2 ของหนุ่มสาวทัวร์ อธิบายว่า หนุ่มสาวทัวร์ทำทุกทางเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นปรับแนวทางจากการขายทัวร์เที่ยวต่างประเทศในสัดส่วนมาขายทัวร์ไทยแทนทั้งหมด 100% โดยเลือกปรับกลุ่มเป้าหมายให้หลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่ทำทัวร์ให้กับกลุ่มองค์กรเป็นหลักก็เริ่มสร้างโปรดักส์ใหม่ๆ ออกมาขายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวันเดย์ทริปหรือว่าทริปเดินทางระยะใกล้ช่วงหลังคลายล็อกโควิด

โดยก่อนหน้านั้นยังได้ยกระดับบริการมาตรฐานการบริการและความสะอาดขึ้นหลายระดับ เพื่อปกป้องลูกค้าและพนักงานในช่วงโควิด-19 นอกจากนี้ ต้นยังเชื่อว่าการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยจะเติบโตแบบกราฟตัวเค (K-shape) คือมีทั้งกลุ่มที่กำลังซื้อและความสามารถในการซื้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มที่กำลังซื้อฟื้นกลับมาอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นกลุ่มที่ผู้ประกอบการจะต้องจับเอาไว้ให้ได้หลังจากนี้

‘หนุ่มสาวทัวร์’ จึงเตรียมปรับแนวทางขายบริการกลุ่มพรีเมี่ยมเพิ่มมากขึ้น ทั้งการจัดบริการทัวร์และการจัดบริการรถทัวร์โดยสารแบบลดจำนวนคน เพิ่มที่นั่ง รวมถึงการให้บริการอื่นๆ เพื่อให้สามารถกลับมาทำรายได้ได้หลังภาวะวิกฤต

‘ต้น’ หรือ ‘โชติช่วง ศูรางกูร’รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หนุ่มสาวทัวร์ จำกัด

ผู้ประกอบการขนาดย่อมต้องการความช่วยเหลือ

“กลางปีจะเริ่มเห็นแล้วว่าเศรษฐกิจเริ่มแย่มากแล้ว แล้วก็การจ้างงานน้อยลงมากๆ ธุรกิจที่ประคองก็จะต้องตัดคนออกไปเยอะมาก พอประคองไม่ไหวเขาก็ต้องยอมที่จะหยุดชั่วคราวก่อน แล้วก็เพื่อลดเลือดที่มันไหล อย่างน้อยหยุดรายจ่ายก่อน รายได้จะมาจากทางไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

‘ต้น’ คาดว่าจากกว่า 90% ของบริษัททัวร์ที่ปิดตัวชั่วคราวตอนนี้จะมีหลายบริษัทที่ต้องถอนตัวออกจากธุรกิจการท่องเที่ยวไปก่อนและเราจะได้เห็นการล้มหายตายจากของผู้ประกอบการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน ดังนั้น สิ่งที่เราทำได้ก่อนการล้มหายตายจากของผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็คือการรักษาการจ้างงานและประคองกิจการท่องเที่ยวขนาดเล็กและขนาดย่อมที่เป็นรากฐานสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้คงอยู่

“ผมคิดว่ามันต้องมีเรื่องของโปรแกรมรักษาการจ้างงาน (Job Retention Program) อย่างที่ไต้หวันที่ได้ข่าวมาจากเพื่อน เขาจะให้เงิน 15,000-18,000 เหรียญให้กับผู้ประกอบการต่อพนักงาน สมมติมีพนักงาน 10 คน เขาก็จะให้ 150,000 หรือ 180,000 เหรียญ แล้วก็เอาไปจ่ายให้กับพนักงาน อย่างนี้เป็นกลไกที่เหมาะสม แรงงานไม่ได้รับผลกระทบ ผู้ประกอบการก็ลดผลกระทบ คือไม่ใช่ว่าไม่โดน แต่ลดผลกระทบ บาดเจ็บน้อยหน่อย แล้วส่วนหนึ่งผู้ประกอบการก็อาจจะสมทบเงินเข้าไปได้”

โดย ‘ต้น’ อธิบายว่า ที่ผ่านมาใช้เวลากว่า 1 ปีแล้วหลังจากประเทศไทยเผชิญหน้ากับสถานการณ์โควิด-19 แต่ผู้ประกอบการก็ยังไม่เห็นความช่วยเหลือหรือการเยียวยา เป็นธรรมดาที่ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่รู้สึกน้อยใจ ในวันหนึ่งบอกว่าเขาเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ แต่ในวันที่เขาได้รับความเดือดร้อนกลับไม่ได้รับความช่วยเหลือ ตั้งแต่การจัดการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) ที่ปราศจากความเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน มีเงื่อนไขจุกจิกมากมายจนทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้จริง

ถึงแม้ตอนนี้หนุ่มสาวทัวร์จะไม่รอมาตรการช่วยเหลือและเร่งเดินหน้าไปก่อนแล้ว แต่ต้นก็เชื่อว่ารัฐบาลต้องรีบทำและ “เปลี่ยนแนวคิดของรูปแบบการบริหารจัดการใหม่ คือเราบริหารงานในช่วงวิกฤต ทุกอย่างต้องเร็ว ต้องแรง แต่ถ้าเกิดเราช้าๆ ค่อยๆ ประคองไป รอให้มันชัวก่อน มันนิ่งก่อนตายกันหมด”

‘ต้น’ หรือ ‘โชติช่วง ศูรางกูร’รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หนุ่มสาวทัวร์ จำกัด

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า