เมียนมาไล่ล่าผู้ประท้วงกลางดึก ปิด 5 สื่อรายงานข่าวการชุมนุม ยูเอ็นออกแถลงการณ์จี้ยุติความรุนแรง

เมียนมาไล่ล่าผู้ชุมนุมกลางดึก พบใช้ความรุนแรงจนนานาชาติต้องเรียกร้องให้ยุติสถานการณ์ ขณะที่เมื่อวานนี้ทางการเมียนมาปิด 5 สื่อหลัก ซึ่งมีบทบาทการชุมนุมต้านรัฐประหาร

วันที่ 9 มีนาคม 2564 สถานทูตหลายประเทศในเมียนมา เช่น สถานทูตสหรัฐฯ สถานทูตอังกฤษ รวมไปถึงสำนักงานองค์การสหประชาชาติประจำเมียนมา รายงานสถานการณ์ช่วงกลางดึกของเมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) ซึ่งเกิดความรุนแรงขึ้นที่ย่านซันชอง (Sanchaung) กลางเมืองย่างกุ้งของเมียนมา

รายงานระบุว่า ตำรวจเมียนมาใช้อาวุธปืน รวมถึงอาวุธอื่นๆ บุกตรวจค้นบ้านเรือนประชาชน เพื่อไล่ล่าผู้ประท้วงที่อาจอาศัยอยู่ในบริเวณนั้น โดยภาพวีดีโอที่ปรากฎในโลกออนไลน์พบว่า ในย่านดังกล่าวเมื่อคืนที่ผ่านมา (8 มี.ค.) มีเสียงและประกายไฟคล้ายปืนดังขึ้นจากบริเวณดังกล่าวเป็นระยะ โดยในรายงานขององค์การสหประชาชาติประจำเมียนมายังระบุว่า เหตุดังกล่าวมีผู้ประท้วงราว 200 คน ไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้ เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่เมียนมาปิดล้อมเอาไว้

เหตุดังกล่าวทำให้สถานทูตหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ อังกฤษ รวมทั้งสำนักงานองค์การสหประชาชาติประจำเมียนมา ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลังจากพื้นที่ดังกล่าวทันที พร้อมปล่อยให้ผู้คนที่ติดอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวกลับบ้านโดยปลอดภัย

นายอันโตนีโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ แสดงท่าทีถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ผ่านโฆษกเรียกร้องให้ทางการเมียนมาปล่อยตัวทุกคนโดยไม่ถูกจับกุมและไม่ใช้ความรุนแรง

จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อคืนที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่เมียนมาบุกเข้าตรวจค้นและจับกุมประชาชนหลายจุด โดยยังมีรายงานที่ย่านลันมาดอว์ (Lanmadaw) ในเมืองย่างกุ้ง ที่มีเจ้าหน้าที่พังประตูเข้าไปจับกุมผู้ประท้วง ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมผู้ประท้วง

สำหรับเมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) ชาวเมียนมายังออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐประหารอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมเฉพาะเมื่อวานนี้ถึง 3 คน และมีการสลายการชุมนุมหลายจุด

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของทางการเมียนมาที่น่าสนใจเมื่อวานนี้ คือการออกมาเปิดเผยผ่านสถานีโทรทัศน์ MRTV สื่อทางการเมียนมาว่า รัฐบาลทหารเมียนมาได้เพิกถอนใบอนุญาต 5 สื่อท้องถิ่น ซึ่งที่ผ่านมามีบทบาทรายงานสถานการณ์การชุมนุมมาโดยตลอด ได้แก่ Mizzima, DVB, Khit Thit Media, Myanmar Now และ 7Day News โดยในแถลงการณ์ระบุว่า สื่อทั้ง 5 สำนักจะไม่ได้รับอนุญาตในการเขียนข่าวหรือให้ข้อมูลใดๆ ผ่านทุกช่องทางการสื่อสารอีกต่อไป