เครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ เรียกร้องรัฐสภาโหวตผ่านวาระสามแล้วจึงประชามติ

เครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐสภาโหวตผ่านวาระสาม หลังสัปดาห์ที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีมติชี้ว่าการแก้รัฐธรรมนูญขัดรัฐธรรมนูญ

คำวินิจฉัยที่ออกเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2564 ระบุว่ารัฐสภามีอำนาจหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจในการสถาปนารัฐธรรมนูญลงมติก่อนว่าประสงค์ให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ก่อให้เกิดการถกเถียงว่ารัฐสภาสามารถโหวตผ่านวาระสามได้หรือไม่ กระบวนการประชามติต้องเกิดขึ้นก่อนหรือหลังขั้นตอนทางรัฐสภา

แถลงการณ์ของเครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคมเครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญระบุว่า “คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญชี้ชัดเจนในสาระหลัก สอง ประการ คือ 1) อำนาจในการสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน และ 2)รัฐสภามีอำนาจและหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้”  

จึงเสนอให้มีการโหวตผ่านวาระสาม แล้วจัดทำประชามติให้ผู้ลงประชามติเป็นผู้ตัดสินใจว่าประสงค์จะมีรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ โดยชี้ว่าเจตนารมณ์และความต้องการของประชาชนไม่ควรถูกละเลยเนื่องจากปรากฎแล้วจากการร่วมเข้าชื่อ “ของประชาชนเรือนแสนในเวลาเดือนเศษ” และ “ด้วยลำดับขั้นดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นการถามมติของประชาชนก่อนที่จะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อยู่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ”

รัฐสภาพิจารณาการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 17-18 มีนาคม 2564

แถลงการณ์ฉบับเต็มมีดังนี้ต่อไปนี้

“ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า รัฐสภามีอำนาจและหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจในการสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงมติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงมติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง”

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญชี้ชัดเจนในสาระหลัก สอง ประการ คือ 1) อำนาจในการสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน และ 2)รัฐสภามีอำนาจและหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้

ดังปรากฏชัดเจนถึงความต้องการของประชาชนที่ต้องการให้มีการปลดล็อคกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การร่วมเข้าชื่อของประชาชนเรือนแสนในเวลาเพียงเดือนเศษ เพื่อเสนอร่างแก้ไข(เพิ่มเติม)รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน โดยมีสาระสำคัญในการยุติการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร หรือ คสช. แม้จะถูกโหวตคว่ำไปในวาระหนึ่ง แต่เจตนารมณ์และความต้องการของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ควรถูกละเลย

นอกจากนี้ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พรรคการเมืองส่วนใหญ่ได้ชูนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้เป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญที่สัญญาว่าจะดำเนินการหากได้รับเลือกให้เข้ามาทำหน้าที่ในรัฐสภา หรือในการบริหารประเทศ

เครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นการรวมตัวกันขององค์กรภาคประชาสังคมที่มีเป้าหมายและพันธกิจในการส่งเสริมประชาธิปไตยในสังคมไทย ขอเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาลงมติเห็นชอบให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมผ่านวาระสาม ในการประชุมรัฐสภา ซึ่งจะเปิดสมัยประชุมและมีญัตติให้โหวตลงมติเห็นชอบในวันที่ 17-18 มีนาคม 2564

หากรัฐสภาลงมติเห็นชอบให้ผ่านวาระสาม ขั้นตอนจากนั้นคือจัดทำประชามติเพื่อให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจในการสถาปนารัฐธรรมนูญได้ออกเสียงว่าประสงค์ให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ตามแนวทางของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ(เพิ่มเติม)ที่ผ่านรัฐสภามาหรือไม่ และถ้าผลประชามติออกมาว่าประชาชนเห็นด้วย ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยมีสภาร่างรัฐธรรม(สสร.) ที่สมาชิกทั้งหมด 200 คนมาจากเลือกตั้ง ด้วยลำดับขั้นดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นการถามมติของประชาชนก่อนที่จะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อยู่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

เครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญยังคงมีความหวังต่อกระบวนการทางรัฐสภา ซึ่งเป็นกลไกของประชาธิปไตยตัวแทนตามระบอบการปกครองประชาธิปไตย ว่าจะทำหน้าที่อย่างกล้าหาญ และ รับฟังความต้องการของประชาชน ซึ่งเป็นการลดเงื่อนไขของวิกฤติความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน และเป็นหนทางที่ชอบธรรมที่จะพาสังคมไทยหลุดพ้นจากความรุนแรงในอนาคต

เครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ

16 มีนาคม 2564