นายกฯ ย้อน ไม่มีเงินให้ก็ไม่ชอบ พอให้ก็บอกว่าแจกแต่เงิน แจงรัฐใช้จ่ายเพื่อให้ประชาชนอยู่ได้

4 รมต.ใหม่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเข้าถวายสัตย์ฯ 27 มี.ค. 64 นายกฯ ย้อน ไม่มีเงินให้ก็ไม่ชอบ แต่พอให้ก็บอกว่าแจกแต่เงิน แจงรัฐใช้จ่ายเพื่อให้ประชาชนอยู่ได้ เชื่อถ้าร่วมมือกันทุกมิติ ดันจีดีพีโต 4 % ได้แน่

วันที่ 26 มี.ค. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) โดยก่อนจะเริ่มการประชุมนั้น 4 รัฐมนตรีใหม่คือ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางมาตรวจโควิด-19 ภายในตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ตนในวันที่ 27 มี.ค. 2564 อย่างไรก็ตาม ภายหลังเข้ารับการตรวจโควิด-19 แล้ว 4 รัฐมนตรีใหม่ยังได้พบปะพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ด้วย ก่อนที่จะเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เรามีมาตรการช่วยเหลือประชาชนไปมากพอสมควรแล้ว แต่ไม่ใช่เป็นการแจกเงินๆ ซึ่งเป็นการทำให้ทุกคนสามารถดำรงชีพอยู่ได้ และสนับสนุนห่วงโซ่เรื่องการใช้จ่าย รวมทั้งจะตามไปสู่ผู้ผลิตและวัตถุดิบ ซึ่งหากคนไม่มีกำลังซื้อก็ต้องทำแบบนี้ และก็ต้องส่งเสริมธุรกิจใหม่ๆ ในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของเรา ไม่เช่นนั้นเราก็เป็นอยู่แบบนี้ นอกจากนี้ ต้องช่วยกันในเรื่องการลงทุนใหม่และลงทุนในประเทศ ขณะที่เงินออมของเราก็เพิ่มขึ้นหลายแสนล้าน ไม่ใช่ไม่มีสตางค์ เพราะคนมีสตางค์ก็มี แต่ต้องมาช่วยกันใช้จ่าย และช่วยกันลงทุน รัฐบาลก็มีเงินจำกัดอยู่แค่นี้ ในส่วนของเงินงบประมาณแผ่นดิน และส่วนของวิสาหกิจและรัฐวิสาหกิจ โดยคาดการณ์ว่า ถ้าช่วยกันแบบนี้ทุกภาคส่วนทั้งหอการค้า อุตสาหกรรม รัฐบาล ภาคธุรกิจ และเอกชน ร่วมมือกันทุกมิติ เราจะสามารถดันจีดีพีขึ้น 4 % ได้ในปีนี้และปีหน้า ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายไว้แบบนี้

“ผมไม่สามารถทำให้ทุกคนเข้าใจได้หมด แต่ผมก็อยากให้ทุกคนพยายามทำความเข้าใจกับผมหน่อยว่า ผมพยายามทำอย่างเต็มที่ในการใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง ไม่มีเงินให้ก็ไม่ชอบ พอให้ก็บอกว่าแจกเงิน แล้วมันจะไปทางไหน กรุณาเสนอแนวทางที่เหมาะสมให้ผมดู เราใช้จ่ายไปเพื่อให้ประชาชนดำรงชีวิตอยู่ได้ ผมไม่ได้หวังให้ใครมารัก แต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาล และต้องหาเงินให้มากขึ้น แต่ถ้าไม่เข้าใจก็ไปไม่ได้ทั้งหมด ซึ่งวันนี้รับรู้แต่อุปสรรคและความขัดแย้งจนไปไม่ได้หมด กรุณาเข้าใจเถอะ ผมไม่โทษใคร ไม่เคยโทษประชาชน และไม่อยากโทษใครทั้งสิ้น”นายกรัฐมนตรี กล่าว