‘BTS’ ร่วมขับเคลื่อน #StopAsianHate ยุติความเกลียดชังต่อชาวเอเชีย พร้อมแชร์ประสบการณ์การถูกเลือกปฏิบัติในฐานะชาวเอเชีย |

BTS ออกแถลงการณ์ #StopAsianHate เรียกร้องให้ยุติความเกลียดชังต่อชาวเอเชีย เเละประณามความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ พร้อมแชร์ประสบการณ์การถูกเลือกปฏิบัติในฐานะชาวเอเชีย

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่นำพาความสูญเสียมาสู่ชีวิตและเศรษฐกิจทั่วโลก แต่ยังก่อให้เกิดประเด็นด้านสังคมอย่างการเหยียดเชื้อชาติ ที่มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ชาวเอเชียหลายคนต้องเผชิญกับการทำร้ายทั้งร่างกายและคำพูด เพียงเพราะเป็นชาวเอเชีย

แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการเหยีดเชื้อชาติในครั้งนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ชาวตะวันตกหลายคนมองว่า เอเชียหรือจีน เป็นต้นกำเนิดของโรคโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ จากรายงานที่พบผู้ป่วยครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นของจีน ก่อนที่เชื้อจะกระจายไปทั่วโลก

หากย้อนกลับไปเมื่อเดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา ทุกคนคงจำเหตุการณ์สุดสะเทือนใจ เมื่อนาย วิชา รัตนภักดี คุณปู่ชาวไทยวัย 84 ปี ถูกวัยรุ่นสหรัฐฯ วิ่งข้ามถนนไปผลักจนล้มลง ศีรษะกระแทกพื้นเสียชีวิตในเมืองซานฟรานซิสโก รวมถึงหญิงสูงวัยเชื้อสายเอเชีย อายุ 76 ปี ถูกชายแปลกหน้าชกที่ตาซ้าย ขณะยืนรอสัญญาณไฟจราจร ในซานฟรานซิสโก ก่อนเธอจะใช้ไม้กระหน่ำตีเพื่อป้องกันตัวจนชายคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ และล่าสุด เหตุการณ์กราดยิงในร้านสปา 3 แห่ง เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 8 คน โดยครึ่งหนึ่งเป็นชาวเอเชีย จนนำไปสู่ถึงการสันนิษฐานว่า อาจมีแรงจูงใจจากการเหยียดเชื้อชาติ

แน่นอนว่าเหตุการณ์เหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น จากการวิจัยขององค์กร Stop AAPI Hate คือองค์กรยุติความเกลียดชังต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและชาวหมู่เกาะแปซิฟิก ระบุว่า เหตุการณ์คุกคามสูงเกือบ 3,800 ครั้ง ในช่วง 1 ปีของการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งสูงกว่าปีก่อนอย่างมีนัยยะสำคัญ

จากเหตุการณ์ล่าสุดในรัฐจอร์เจีย สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากให้กับคนทั่วโลก จนเกิดกระแสรณรงค์หยุดสร้างความเกลียดชังต่อชาวเอเชีย ด้วยการติด #StopAsianHate ในวันที่ 17 มี.ค. 2564 จนขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์ของโลก นอกจากชาวโซเชียลทั่วโลกเเล้ว ดารา นักแสดง และศิลปินดังระดับโลก ยังได้ออกมาร่วมกันรณรงค์ ทั้ง แจ็คสัน หวัง, อิมแจบอม และ มาร์ค ต้วน สมาชิกวง GOT7, CL อดีตสมาชิกวง 2EN1, แอมเบอร์ อดีตสมาชิกวง F(X), Eric Nam, Gemma Chan, Margaret, Lin-Manuel, Daniel Dae kim , Rihanna, Kris Jenner, Dua Lipa , Ariana Grande และอีกมากมาย

ล่าสุด 7 หนุ่ม BTS เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่ร่วมขับเคลื่อนการรณรงค์หยุดสร้างความเกลียดชังต่อชาวเอเชีย โดยเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา BTS ได้ออกแถลงการณ์ทั้งฉบับภาษาเกาหลีและภาษาอังกฤษผ่านโลกทวิตเตอร์ พร้อมติด #StopAsianHate และ #StopAAPIHate เพื่อให้ยุติการสร้างความเกลียดชังต่อชาวเอเชีย

ซึ่งในแถลงการณ์ทั้ง 7 หนุ่มได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้ที่สูญเสียในเหตุการณ์กราดยิงร้านสปาในเมืองแอตแลนตา เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากประเด็นความเกลียดชัง รวมถึง BTS ยังได้แชร์ประสบการณ์การถูกเลือกปฏิบัติในฐานะชาวเอเชีย

“ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก พวกเรารู้สึกเศร้าและโกรธมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทำให้พวกเรานึกถึงช่วงเวลาที่เราเผชิญกับการเลือกปฏิบัติในฐานะชาวเอเชีย พวกเราอดทนต่อคำสบถโดยไม่มีเหตุผลและถูกล้อเลียนในสิ่งที่เรามอง เราถูกถามด้วยซ้ำว่าทำไมชาวเอเชียถึงพูดเป็นภาษาอังกฤษ

พวกเราไม่สามารถพูดถึงความเจ็บปวดที่ต้องกลายเป็นประเด็นแห่งความเกลียดชังและความรุนแรงด้วยเหตุผลดังกล่าว ประสบการณ์ของเราเองนั้นไม่สำคัญเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ประสบการณ์เหล่านี้เพียงพอที่จะทำให้พวกเรารู้สึกไร้เรี่ยวแรงและลดทอนความภาคภูมิใจในตนเองออกไป

สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่สามารถทำให้ตัวตนของเราในฐานะชาวเอเชียหายไปได้ พวกเราต้องใช้เวลาพอสมควรในการพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ และเราได้ไตร่ตรองอย่างดีว่าเราควรส่งเสียงของเราอย่างไร”

ก่อนจะทิ้งท้ายแถลงการณ์ว่า “สิ่งที่เสียงของ BTS สื่อนั้นชัดเจน พวกเราจะยืนยันหยัดต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ และขอประณามความรุนแรง ผม คุณ และพวกเราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับความเคารพอย่างเท่าเทียม เราจะยืดหยัดไปด้วยกัน”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ BTS ออกมาพูดถึงความเท่าเทียม หรือ การต่อต้านการเหยียดสีผิว และเชื้อชาติ ก่อนหน้านี้พวกเขายังได้สนับสนุนโดยร่วมกันบริจาคเงินกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับ #BlackLivesMatter ด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่าการออกมาเป็นกระบอกเสียงของ 7 หนุ่ม BTS ทำให้กระแส #StopAsianHate ทรงพลังมากยิ่งขึ้น และกลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกในทันที จนส่งให้ #StopAsianHate และ #StopAAPIHate ติดเทรนด์โลกอันดับ 1 และ 2

นอกจากนี้ เนติเซน (ชื่อที่ใช้เรียกชาวเน็ตในเกาหลีใต้) ยังได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า

“ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่ศิลปินผู้มีอิทธิพลเขียนข้อความนี้”
“ฉันหวังว่าชาวเอเชียที่อยู่ต่างประเทศจะรู้สึกสบายใจกับเรื่องนี้”
“ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกได้รับการสนับสนุนหลังจากวงบอยแบนด์ที่มีอิทธิพล ทั่วโลกต่างก็ส่งเสียงของพวกเขาเช่นกัน “
” พวกเขายอดเยี่ยมมาก “
” นี่อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ขอขอบคุณที่ส่งเสียงของคุณ “

ที่มา

https://twitter.com/bts_bighit