โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำรัฐบาลไม่ปิดกั้นเอกชนในการจัดหาวัคซีน แต่ภาคเอกชนห่วงปัญหาว่า การจัดหาวัคซีนของเอกชนอาจส่งมอบล่าช้า และทับซ้อนกับรัฐบาล จึงให้รัฐบาลเป็นหน่วยงานหลัก ตามแผนที่กำหนด จำนวน 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปีนี้
วันที่ 30 เม.ย. 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ภายหลังการประชุมหารือแนวทางความร่วมมือ การจัดหาวัคซีนระหว่างภาครัฐและเอกชน เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา ว่า ในส่วนของการจัดหาวัคซีน ยืนยัน รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นเอกชนที่จะเข้ามามีส่วนร่วมแต่อย่างใด จากการหารือร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกในเรื่องนี้ ทางเอกชนชี้แจงถึงการจัดหาวัคซีนว่า ได้ติดต่อกับผู้ผลิตในต่างประเทศไปแล้ว แต่การส่งมอบอาจจะมีความล่าช้า โดยผู้ผลิตแต่ละที่แจ้งว่า จะสามารถส่งมอบได้ในไตรมาสที่ 4 หรือ ปลายปี 2564
ทั้งนี้ ทางสภาหอการค้าแห่งประเทศ โดย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทย เห็นว่า กรณีที่จะสามารถส่งมอบวัคซีน ได้ปลายปี 2564 อาจจะทำให้ทับซ้อนกับในส่วนของวัคซีนที่รัฐบาลจัดหามาได้ ดังนั้น จึงให้รัฐบาลเป็นหน่วยงานหลักในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ตามแผนที่กำหนดไว้ คือ ภายในสิ้นปี 2564 นี้ จะมีวัคซีนเข้ามา 100 ล้านโดส
อย่างไรก็ตาม สมาคมโรงพยาบาลเอกชนได้ออกมาชี้แจงว่า วัคซีนต่างๆ ที่ภาคธุรกิจเอกชนจัดหาไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางโรงพยาบาลเอกชน โดยในส่วนของโรงพยาลเอกชน ยังคงดำเนินการตามกลไกของคณะกรรมการพิจารณาจัดหาวัคซีนที่มี นพ. ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธานอยู่ ซึ่งเป็นการจัดหาวัคซีนอีกทางเลือกหนึ่ง จึงยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นเรื่องวัคซีน หากภาคเอกชนสามารถจัดหาวัคซีนมาได้ทันตามห้วงเวลาที่กำหนด ก็สามารถที่จะดำเนินการได้