เปิดลิสต์จุดหมายปลายทาง ต้อนรับ ‘นักท่องเที่ยวฉีดวัคซีน’

ยิ่งนับวัน จุดหมายปลายทางที่ยินดีเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม แม้ได้รับวัคซีนแล้ว แต่การท่องเที่ยวก็ยังเป็นเรื่องซับซ้อน เนื่องจากกฎในแต่ละประเทศก็แตกต่างกันออกไป บางประเทศปฏิเสธวัคซีนบางยี่ห้อ บางประเทศต้องมีผลตรวจโควิดมายืนยัน และบางประเทศยังคงให้กักตัว แม้ระยะเวลาจะสั้นลงก็ตาม

แต่ส่วนใหญ่กำหนดว่านักท่องเที่ยวจะต้องได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วน และต้องได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 2 สัปดาห์ จึงจะเดินทางเข้าประเทศนั้นๆ ได้ แม้มีบางประเทศก็เปิดรับให้เดินทางได้ทันทีที่ได้รับวัคซีนโดสที่ 2

ดังนั้น นักท่องเที่ยวควรอ่านรายละเอียดและข้อกำหนดของประเทศนั้นๆ ให้ดีก่อนจองเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงต้องทำความเข้าใจกระบวนการต่างๆ ที่อาจเข้มงวดตอนขากลับเข้าประเทศด้วย

และนี่คือจุดหมายปลายทางที่เริ่มทยอยรวมถึงมีแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้ว

แถบแคริบเบียน

-แองกวิลลา ก่อนหน้านี้หมู่เกาะของบริติชแห่งนี้ประกาศว่าจะอนุญาตให้กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป จำเป็นต้องฉีดวัคซีนมาแล้ว แต่หลังจากประกาศออกมา 10 วัน กลับพบการติดเชื้อใหม่ถึง 62 ราย จึงประกาศปิดเกาะเป็นเวลา 14 วัน และกำหนดให้ตั้งแต่ 1 ก.ค. ทุกคนที่เข้าไปต้องฉีดวัคซีนแล้ว

-บาฮามัส มีข้อกำหนดว่าหากอัพโหลดใบรับรองฉีดวัคซีนมาก่อนเดินทาง จะไม่ต้องตรวจเชื้อด้วยเทคนิค PCR ก่อนเดินทาง และไม่ต้องตรวจแบบ rapid test หลังมาถึงด้วย อย่างไรก็ตาม ยังยอมรับเฉพาะวัคซีนไฟเซอร์, โมเดอร์นา, จอนห์สันฯ และแอสตร้าเซเนก้าเท่านั้น

-บาร์เบโดส ตั้งแต่ 8 พ.ค. ผู้ที่รับวัคซีนแล้วจะได้รับการลดวันกักตัวเหลือ 0-2 วัน เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีที่เดินทางมากับผู้ปกครองที่ได้รับวัคซีนแล้ว สามารถท่องเที่ยวได้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้ว แต่มากับเพื่อนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ต้องกักตัวเป็นเวลา 1 สัปดาห์หรือนานกว่านั้น

-เบลีซ หากได้รับวัคซีนแล้ว ไม่ต้องมีผลตรวจโควิดทั้งก่อนและหลังเดินทางมายืนยัน

-หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. หากมีผลตรวจโควิดเป็นลบทั้งก่อนและเมื่อเดินทางมาถึง ก็ไม่ต้องกักตัว 4 วัน (รอผลตรวจตอนมาถึงประมาณ 24 ชั่วโมง) และรับรองเฉพาะวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า, โมเดอร์นา, ไฟเซอร์ และจอห์นสันฯ เท่านั้น

-เกรนาดา ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. นักท่องเที่ยวที่รับวัคซีนแล้วต้องมีผลตรวจโควิดทั้งก่อนและหลังมาถึงมายืนยัน และได้รับสิทธิลดวันกักตัวจาก 1 สัปดาห์ เหลือ 48 ชั่วโมง

-สหพันธรัฐเซนต์คิตส์และเนวิส ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. อนุญาตให้นักท่องเที่ยวสหรัฐฯ และยุโรปที่ฉีดวัคซีนแล้วเท่านั้นที่เดินทางมาได้ โดยต้องพักผ่อนในสถานที่ที่จัดไว้ให้เป็นเวลา 9 วัน ซึ่งลดจาก 14 วัน หลังจากนั้นหากผลตรวจโควิดเป็นลบถึงจะเที่ยวแบบอิสระได้

อเมริกาเหนือ

-ฮาวาย ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. เฉพาะผู้พำนักในหมู่เกาะฮาวายสามารถเดินทางระหว่างเกาะได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีผลตรวจโควิดหรือการกักตัวหากได้รับวัคซีนในฮาวาย โดยคาดว่าจะผ่อนคลายมาตรการเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วจากสหรัฐฯ ได้ในช่วงฤดูร้อนนี้

หมู่เกาะในเฟรนช์พอลินีเชีย

ซึ่งได้แก่ ทาฮิติ, โบราโบรา มูเร โดยนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้วไม่ต้องกักตัว 10 วันตามกำหนด แต่หากเป็นครอบครัวที่มีเด็กมาด้วย ยังต้องกักตัวตามปกติ

ยุโรป

สหภาพยุโรปเพิ่งประกาศแนะนำให้ 27 ประเทศสมาชิกเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วตั้งแต่ฤดูร้อนนี้เป็นต้นไป แต่ต้องรับวัคซีนเฉพาะที่อียูยอมรับเท่านั้น คือ โมเดอร์นา, ไฟเซอร์, จอห์นสันฯ และแอสตร้าเซเนก้า โดยอียูไม่ได้กำหนดเงื่อนไขอื่นๆ และเปิดทางให้สมาชิกกำหนดได้เองอย่างอิสระ

ทั้งนี้ บางประเทศในยุโรปออกข้อกำหนดของตัวเองมาแล้ว ดังนี้

-โครเอเชีย นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้วไม่ต้องกักตัว นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่อยู่นอกเหนือโซนวีซ่าเชงเก้นต้องแสดงใบเสร็จการจองที่พักหรือโรงแรมด้วย

-ไซปรัส ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค. นักท่องเที่ยวจากส่วนใหญ่ของทวีปยุโรป, สหรัฐฯ, แคนาดา, รัสเซีย และประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ ไม่ต้องตรวจโควิดหากได้รับการฉีดวัคซีนสปุตนิก V ของรัสเซีย หรือวัคซีนที่ EMA รับรอง โดยนักท่องเที่ยวต้องอัพโหลดใบรับรองการฉีดวัคซีนในระบบก่อนเดินทาง

-เอสโตเนีย นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนหรือเคยป่วยเป็นโควิดในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ไม่ต้องตรวจโควิดและกักตัว 10 วัน โดยต้องมีใบรับรองการฉีดวัคซีนมายืนยันขณะเดินทางเข้าประเทศ

-ฝรั่งเศส ประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุว่าในเดือน พ.ค. จะผ่อนคลายข้อกำหนดในการท่องเที่ยวมากขึ้น และกำลังวางแนวทางรับนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ ที่ฉีดวัคซีนแล้วเข้ามาเที่ยวในฤดูร้อนนี้

-จอร์เจีย ผู้ที่รับวัคซีนครบแล้วสามารถเดินทางเข้าจอร์เจียได้ โดยมีข้อกำหนด 2 ข้อ คือ ต้องเดินทางผ่านเครื่องบิน และไม่ได้ไปอินเดียในช่วง 14 วันก่อนเดินทาง

-กรีซ ปัจจุบันกรีซเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าได้โดยต้องมีผลตรวจโควิดด้วยเทคนิค PCR เป็นลบ หรือต้องมีใบรับรองการฉีดวัคซีนมายืนยัน (แต่นักท่องเที่ยวรัสเซียต้องมีทั้งสองอย่าง) โดยยังไม่ยอมรับวัคซีนจากจีนและรัสเซีย ทั้งนี้ คาดว่าจะเปิดพรมแดนอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 พ.ค.นี้

-ไอซ์แลนด์ กำหนดให้ผู้ได้รับวัคซีนและหายป่วยจากโควิดแล้วไม่ต้องกักตัว หากผ่านการตรวจโควิดขณะเดินทาง โดยไม่ยอมรับวัคซีนของรัสเซียและจีน นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. จะผ่อนคลายมาตรการให้กับนักท่องเที่ยวจากประเทศความเสี่ยงต่ำด้วย

-อิสราเอล เดิมทีอิสราเอลวางแผนว่าในเดือน พ.ค.นี้ จะสามารถรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้วที่เดินทางมาแบบคณะ ก่อนจะเปิดรับนักท่องเที่ยวรายบุคคลในเดือน ก.ค. แต่แผนดังกล่าวถูกเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากการระบาดอีกครั้งในหลายประเทศ

-มาเดรา ขณะที่โปรตุเกสแผ่นดินใหญ่ยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยว แต่มาเดราซึ่งเป็นหมู่เกาะของโปรตุเกส อนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนและหายป่วยจากโควิดแล้วเดินทางเข้าประเทศได้ สำหรับประเทศโปรตุเกสวางแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวสหราชอาณาจักรในวันที่ 17 พ.ค.นี้

-มอลตา ประเทศเล็กๆ ในเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้ตั้งเป้าว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนแล้วในช่วงฤดูร้อนนี้ โดยต้องรับวัคซีนครอบถ้วน หรือมีผลตรวจด้วยเทคนิค PCR ว่าไม่ได้เป็นโควิดมายืนยัน

-มอนเตเนโกร นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบแล้วเป็นเวลา 7 วัน หรือหายป่วยจากโควิด หรือผลตรวจด้วยเทคนิค PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางเป็นลบ สามารถเข้ามอนเตเนโกรได้

-โปแลนด์ นักท่องเที่ยวจากบางประเทศ เช่น ประเทศสมาชิกอียู, นอร์เวย์, ญี่ปุ่น, แคนาดา, ไทย ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ไม่ต้องกักตัว 10 วัน แต่ยอมรับเฉพาะวัคซีนที่ได้รับการยอมรับจากอียูเท่านั้น

-สโลวีเนีย นักท่องเที่ยวจาก 155 ประเทศที่สโลวีเนียกำหนด สามารถเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว โดยต้องรับวัคซีนโดยสุดท้ายมาเป็นเวลา 7-21 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีน

ตะวันออกกลาง

-เลบานอน นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนใน 15 วันก่อนเดินทาง ไม่จำเป็นต้องตรวจโควิดก่อนบิน นอกจากนี้ยังสามารถมารับวัคซีนโดสที่สองได้ที่เลบานอนด้วย อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวจากบางประเทศยังต้องตรวจโควิดระหว่างเดินทางด้วย

เอเชีย

-มัลดีฟส์ นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วไม่จำเป็นต้องตรวจโควิดก่อนบินและกักตัวอีกต่อไป แต่สำหรับเด็กๆ ยังต้องตรวจอยู่

-เนปาล นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วไม่ต้องตรวจโควิดด้วยเทคนิค PCR ก่อนบิน แต่ต้องตรวจหลังจากไปถึงแล้ว

-ภูเก็ต ประเทศไทย โครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ กำหนดเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบแล้วแบบไม่กักตัว วันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยบินตรงเข้าภูเก็ตและตรวจเชื้อเมื่อเดินทางมาถึง และต้องอยู่ในภูเก็ตหรือ Sealed Route อย่างน้อย 7 คืนก่อนออกเดินทางไปยังพื้นที่อื่นๆ

-ศรีลังกา สำหรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้ว (รวมถึงเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี) จะต้องเข้ารับการตรวจโควิดภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังเดินทางมาถึง

-ไต้หวัน แผนในระยะเริ่มแรกของไต้หวันซึ่งเริ่มในเดือน พ.ค. คือลดจำนวนวันกักตัวให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้ว จาก 14 วัน เหลอื 7 วัน อย่างไรก็ตาม ไต้หวันยังคงจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว และกำหนดว่านักท่องเที่ยวต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เดือนก่อนเดินทาง และตรวจโควิดทั้งก่อนเดินทางและเมื่อเดินทางมาถึง

แอฟริกา

-เซเชลส์ ประเทศแรกที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้ตั้งแต่เดือน ม.ค. และในเดือน มี.ค. ก็เปิดรับนักท่องเที่ยวทุกคนแม้ไม่ได้ฉีดวัคซีน แต่ด้วยสถานการณ์ล่าสุดที่โควิดยังรุนแรงในหลายประเทศ เซเชลส์จึงปิดประตูให้นักท่องเที่ยวจากบางประเทศลงไป และปรับกฎเป็นนักท่องเที่ยวทุกคนต้องฉีดวัคซีนมาก่อน

อเมริกากลางและใต้

-เอกวาดอร์ นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถนำใบรับรองมายื่นแทนผลตรวจได้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้ฉีด และผู้ที่เคยป่วยเป็นโควิด ต้องตรวจโควิดก่อนและเมื่อเดินทางมาถึง ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกกลุ่มไม่ต้องกักตัวเช่นกัน

-กัวเตมาลา ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถเข้าประเทศได้โดยต้องมีผลตรวจโควิดโดยใช้เทคนิค PCR มายื่นด้วย (ต้องตรวจภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเช็กอินที่สนามบิน) หรืออาจใช้ใบรับรองการหายป่วยจากโควิดมาเป็นระยะเวลา 3 เดือน นอกจากนี้ ผู้อายุ 10 ปีขึ้นไปต้องแสดงเอกสารและข้อมูลตามที่กำหนดทุกประการ

ที่มา https://www.cnbc.com/2021/04/30/places-where-vaccinated-people-can-travel-see-the-updated-list.html