คณะอนุกรรมการบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 มีมติปรับแผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 ใช้กลยุทธ์ฉีดวัคซีนปูพรมในพื้นที่ระบาด ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล เดินหน้าฉีดเชิงรุกนอกโรงพยาบาล เตรียมใช้พื้นที่สถานีรถไฟกลางบางซื่อเป็นศูนย์ฉีดวัคซีน
วันที่ 11 พ.ค. 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการ การให้วัคซีนโควิด-19 และนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการ การให้วัคซีนโควิด-19 ในการปรับแผนการฉีดวัคซีนของประเทศไทย
โดย นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายให้ทุกคนในประเทศไทยได้รับวัคซีนโควิด-19 ตามความสมัครใจ ซึ่งประชากรทั้งคนไทยและต่างชาติ ในประเทศมีประมาณ 70 ล้านคน การรับวัคซีนครอบคลุมให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ คือ ร้อยละ 70 ของประชากร หรือ ประมาณ 50 ล้านคน โดยใช้วัคซีนจำนวน 100 ล้านโดส ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้เสร็จสิ้นภายในเดือน ธ.ค. นี้
ทั้งนี้ สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ยังอยู่ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เป็นหลัก ดังนั้น คณะอนุกรรมการฯ จึงมีมติเห็นชอบการปรับแผนการกระจายวัคซีน ด้วยกลยุทธ์ ‘ฉีดปูพรม’ (Mass Vaccination) ในพื้นที่ระบาด
นอกจากนี้ ยังเร่งรัดให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการฉีดเชิงรุกนอกโรงพยาบาล ล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เสนอให้ใช้พื้นที่สถานีรถไฟกลางบางซื่อ เพื่อเป็นศูนย์ฉีดวัคซีน ซึ่งมีความกว้างขวาง และรองรับคนได้จำนวนมาก รวมถึงการให้ประชาชนสามารถเดินมารับวัคซีนได้
ด้าน นายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 กล่าวว่า กลยุทธ์การปูพรมฉีดวัคซีน ใน กทม. และปริมณฑล จะมีทั้งวัคซีนของซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า เนื่องจากในเดือน พ.ค. นี้ วัคซีนซิโนแวค จะเข้ามาอีก 2.5 ล้านโดส และวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ที่คาดว่า จะส่งมอบช่วงปลายเดือน พ.ค. นี้ อีก 1.7 ล้านโดส
โดยในส่วนของ กทม. ตั้งเป้าจะฉีดให้ได้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชากร คือ 5 ล้านคน ภายใน 2 เดือน โดยฉีดให้แก่ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่ไม่มีข้อห้ามทางการแพทย์ เร่งรัดการฉีดวัคซีนในพื้นที่ระบาด โดยเพิ่มจุดบริการนอกโรงพยาบาล เช่น สนามกีฬา มหาวิทยาลัย ศูนย์การประชุม หรือ ศูนย์การค้า เป้าหมายฉีดให้ได้ 1 แสนโดสต่อวัน