SHARE

คัดลอกแล้ว

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ พร้อม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงสถานการณ์โควิด-19 ในเรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ หลังพบผู้ต้องขังแดน 4 ติดโควิดและได้แพร่กระจายไปสู่เพื่อนแดนอื่น เกือบ 4 พันราย ยันมีการตรวจหาภูมิคุ้มกันของผู้ต้องขังทั้งหมด พร้อมนำมาตรการ Bubble and Seal มาใช้ในเรือนจำ ขอให้มั่นใจทุกฝ่ายได้ระดมกำลังช่วยกันอย่างเต็มที่

วันที่ 17 พ.ค. 2564 นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.วุฒิไชย อิศระ รองเจ้ากรมแพทย์ทหารบก นายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ และนายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม นายอำเภอแม่แตง ร่วมกันแถลงข่าวการดำเนินงานโรงพยาบาลสนามในเรือนจำกลางเชียงใหม่

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้มีการตรวจพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในเรือนจำกลางเชียงใหม่ในช่วงกลางเดือนเมษายน เนื่องจากมีผู้ต้องขังจำนวนมากและอยู่ในพื้นที่ปิด จึงได้มีการนำระบบ Bubble and Seal ใช้บริหารจัดการในเรือนจำตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 64 ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาการดำเนินการ 28 วัน การดูแลจะคล้ายการล็อกดาวน์ในทุกห้อง ทุกแดน และค้นหาผู้มีอาการเข้ารักษาที่โรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ พร้อมตรวจหาภูมิคุ้มกันโรคในทุก 14 วัน ทั้งนี้คาดว่าในรอบสุดท้ายจะมีผู้ต้องขังที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเพียง 10% และจะสามารถส่งคืนพื้นปลอดภัยให้แก่เรือนจำกลางได้ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ขณะนี้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ

สำหรับจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อกว่า 3 พันคนในเรือนจำกลางเชียงใหม่นั้น ทั้งหมดอยู่ภายใต้การดูแลรักษาและการควบคุมการแพร่ระบาด กรณีมีผู้ต้องขังพ้นโทษก็ยังคงต้องกักตัวเองอีก 14 วัน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนภายนอก และเชื่อมั่นว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดภายในเรือนจำกลางอย่างแน่นอน

ด้านนายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตามปกติการควบคุมโรคจะแบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกันก็คือ มาตรการควบคุมโรคในพื้นที่เปิด หรือพื้นที่ทางสังคม ซึ่งจะใช้มาตรการจากทางศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.เป็นหลัก ส่วนการควบคุมโรคในพื้นที่ปิด อาทิ เกาะขนาดเล็ก หรือโรงงานบางแห่งที่มีที่พักอยู่ภายใน รวมทั้งเรือนจำซึ่งมีกิจกรรมทางสังคมที่ไม่ซับซ้อน จำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมโรคอีกรูปแบบหนึ่ง หลังจากมีการตรวจพบว่ามีการระบาดในเรือนจำตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน จึงได้มีมติร่วมกันให้ใช้มาตรการ Bubble and Seal ซึ่งเป็นมาตรการที่เคยใช้ควบคุมโรคในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครมาแล้ว โดยในวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยวางระบบนำโดยอธิบดีกรมควบคุมโรค

สำหรับมาตรการ Bubble and Seal ที่นำมาใช้ในเรือนจำกลางเชียงใหม่นั้น จะต้องจำกัดขอบเขตในการควบคุมโรคไม่ให้มีการกระจายจากแดนสู่แดน หรือกระจายสู่พื้นที่ภายนอก โดยการ Seal หรือปิดพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดไว้ จำนวน 14 วัน 2 รอบ รวมเป็น 28 วัน และในระหว่างการควบคุมโรคจะต้องเร่งค้นหาผู้ที่มีอาการของโรค เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการการรักษาให้รวดเร็วที่สุด นอกจากนี้ยังได้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามภายในเรือนจำ เพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง ส่วนผู้ต้องขังที่มีอาการหนักจะทำการส่งตัวออกมารักษาที่โรงพยาบาลภายนอก โดยจนถึงขณะนี้มีผู้ต้องขังที่ส่งตัวออกมารักษาภายนอกเพียงแค่ 6 รายเท่านั้น

นอกจากนี้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ยังได้ชี้แจงว่า ขณะนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินมาตรการ Bubble and Seal มาได้แล้ว 3 สัปดาห์ เหลือเวลาอีกเพียง 1 สัปดาห์ และหลังจากนั้นจะใช้เวลาอีก 5 วันในการตรวจหาภูมิคุ้มกันของผู้ต้องขังทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะพบผู้ที่ไม่มีคุ้มกันเหลืออยู่เพียงร้อยละ 10 เท่านั้น และจะได้นำผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันนี้มาตรวจหาเชื้ออีกหนึ่งรอบ เพื่อคัดแยกออกจากกลุ่มผู้ต้องขังทั้งหมด หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการคาดว่าจะสามารถคืนพื้นที่ปลอดภัยให้กับเรือนจำกลางเชียงใหม่ได้ภายในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้

กรณีการแพร่ระบาดในเรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่นั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อการรับการปรับลดระดับพื้นที่ควบคุมเข้มงวดสูงสุด (สีแดงเข้ม) มาเป็นพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จาก ศบค.แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นพื้นที่ควบคุมคนละส่วนกัน

พล.ต.วุฒิไชย อิศระ รองเจ้ากรมแพทย์ทหารบก รักษาราชการผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้บัญชาการเหตุการณ์ด้านการแพทย์ภายในเรือนจำกลางเชียงใหม่ เปิดเผยว่า กรมแพทย์ทหารบกได้จัดผู้เชี่ยวชาญพิเศษลงพื้นที่บริหารจัดการทำหน้าที่สนับสนุนหน่วยงานของสาธารณสุขทั้งการให้บริการในพื้นที่เรือนจำ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ขีดจำกัด อย่างไรก็ตามผู้ต้องขังทุกคนจะต้องได้รับสิทธิ์การดูแลรักษาเทียบเท่ากับประชาชนภายนอก ทั้งการตรวจหาเชื้อและการดูแลรักษา เพื่อสกัดการระบาดไม่ให้ออกสู่ภายนอก

สำหรับตัวเลขล่าสุดในขณะนี้ เรือนจำกลางเชียงใหม่มีผู้ต้องขังจำนวน 6,311 คน ติดเชื้อโควิด-19 แล้วจำนวน 3,793 คน หรือคิดเป็น 60% ของผู้ต้องขังทั้งหมด เป็นผู้มีภูมิคุ้มกันในตนเองแล้วจำนวน 1,532 คิดเป็น 1 ใน 4 หรือ 24.27% ของผู้ต้องขังทั้งหมด และมีผู้ติดเชื้อที่กำลังจะพ้นระยะการกักตัวใน 1-2 วันนี้ อีกกว่า 1,600 คน หรือคิดเป็น 44% ของผู้ต้องขังทั้งหมด อย่างไรก็ตามยังคงเหลือผู้ต้องขังที่ไม่ติดเชื้อโควิด-19 อีก 923 คน ทั้งนี้ข้อมูลทั้งหมดได้เกิดขึ้นจากกระบวนการตรวจวิเคราะห์อย่างมีระบบและมีมาตรฐาน ผ่านการตรวจหาเชื้อจำนวน 2 ครั้ง และการตรวจหาภูมิคุ้มกันเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง

นายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์การดูแลผู้ต้องขังในเรือนจำกลางเชียงใหม่ ว่า ต้องขอบคุณในการบูรณาการช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนที่ได้ดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยขณะนี้ยืนยันว่ายังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในเรือนจำกลางเชียงใหม่ทั้งหมด 10 แดน สำหรับแดนที่เกิดเหตุเป็นแดนที่ 4 ซึ่งเป็นแดนแรกรับที่มีการรับผู้ต้องขังใหม่เข้ามาภายในเรือนจำ โดยเรือนจำมีกระบวนการการแยกขังผู้ต้องขังอย่างน้อย 15 วัน โดยมีมาตรฐานการดูแลตามที่กรมราชทัณฑ์กำหนด แต่เนื่องจากการระบาดในระลอกนี้มีความรุนแรงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จึงได้ขอรับการช่วยเหลือและสนับสนุนอย่างดีจากทางจังหวัดเชียงใหม่ ทหาร ตำรวจ และทุกภาคส่วนรวมถึงพี่น้องประชาชน ให้เข้ามาช่วยเหลือ

สำหรับเหตุการณ์การระบาดในเรือนจำเกิดจากมีผู้ต้องขังจากแดน 4 ไปเรียนหนังสือที่แดน 6 จากแดน 6 ไปสู่ผู้ต้องขังที่แดน 5 ซึ่งเป็นผู้ต้องขังจากโทษคดีทั่วไป และขยายไปถึงแดน 7 ซึ่งมาเรียนหนังสือร่วมกัน ทำให้เกิดการติดเชื้อกันอย่างรวดเร็ว ที่ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุแล้วอาจจะต้องเพิ่มจำนวนวันในการกักตัวเป็น 21 วัน หรือ 30 วัน และมีการ Swap ทุกวัน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของทางกรมราชทัณฑ์ที่จะต้องปรับปรุงและตั้งรับการพัฒนาของโรคต่อไป

ด้าน นายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม นายอำเภอแม่แตง กล่าวว่า ทางอำเภอแม่แตงได้จัดตั้ง Local Quarantine จำนวน 4 ศูนย์ เพื่อรองรับผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำกลางเชียงใหม่ ทั้งผู้ที่พ้นโทษและผู้ประกันตัวในชั้นศาล เนื่องจากเข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงมาก เพื่อติดตามและสังเกตอาการ โดยมีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลแม่แตง และสาธารณสุขอำเภอแม่แตงเข้ามาดูแลและรักษาพยาบาล พร้อมทั้งมีการจัดตั้งเวรยามควบคุมตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมามีผู้ที่กักตัวอยู่ใน Local Quarantine ของอำเภอแม่แตง ทั้งหมด 57 คน มีผลเป็นบวก 30 คน ซึ่งได้นำส่งเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลสนามจังหวัดเชียงใหม่ คงเหลือผู้กักตัวอยู่ในการดูแลอีก 23 คน และอีก 4 คนได้ตรวจหาเชื้อซ้ำ 2 รอบพบว่าไม่มีเชื้อและพ้นระยะการเฝ้าระวังจึงได้อนุญาตให้กลับบ้านได้ ทั้งนี้ขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่าผู้ที่ถูกปล่อยตัวมาจะไม่มีการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ชุมชน

 

 

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า