นายกฯ ระบุ ประเทศไทยจะต้องชนะสงครามโควิด-19

นายกฯ ระบุ ประเทศไทยจะต้องชนะสงครามโควิด-19 เพราะเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องแก้ปัญหาให้สำเร็จ เผยรับทราบปัญหาทั้งหมด พร้อมสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุม ครม. ถึงเรื่องการบริหารจัดการวัคซีน ว่า เรื่องการฉีดวัคซีน ที่มีการเริ่มฉีดพร้อมกันทั่วประเทศ ขณะนี้กระจายวัคซีนไปกว่า 7 ล้านโดสทั่วประเทศ และฉีดวัคซีนไปได้กว่า 6 ล้านโดสแล้ว  และสามารถฉีดวัคซีนมากกว่า 2 ล้านโดสภายใน 1 สัปดาห์ เชื่อว่าหากวัคซีนเข้ามามากกว่านี้จะสามารถฉีดได้มากกว่านี้ ที่ผ่านมาต้องขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ และจิตอาสาที่คอยดูแลอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มาฉีดวัคซีน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องการจัดสรรวัคซีนอย่างทั่วถึงและพอเพียงตนให้ความสำคัญอย่างมาก ที่ผ่านมาอาจได้ยินว่ามีการประกาศเลื่อน หรือทางภาครัฐบริหารไม่ดีพอ ตนรับทราบมาตลอดและเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวัน และสั่งการไปยังผู้รับผิดชอบในแต่ละเรื่อง ซึ่งการบริหารจัดการเป็นไปตามลำดับ คือ

1. ศบค. มีอำนาจในการบริหารจัดการสูงสุด จะเป็นผู้ดำเนิการจัดสรรวัคซีนให้ทุกจังหวัด

2.หน่วยงานหลักที่รับมอบนโยบายจัดสรรวัคซีน คือ กระรวงสาธารณสุข 

3. เป็นความรับผิดชอบของแต่ละจังหวัด แต่ละพื้นที่ที่จะเป็นผู้กำหนดว่าแต่ละโรงพยาบาลในพื้นที่จะได้รับวัคซีนจำนวนเท่าไหร่ จะต้องคำนึงถึงระยะเวลาที่มี จนกว่าจะได้รับการจัดสรร เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง 

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงสูตร หรือ หลักการ ในการจัดสรรวัคซีน 4 ข้อ คือ เมื่อมีวัคซีนมา กระทรวงสาธารณสุขต้องส่งให้ทุกจังหวัดทันที จะไม่มีจังหวัดใดที่ไม่ได้เพิ่มเติมในแต่ละรอบ ซึ่งในอนาคตอาจยกเว้นจังหวัดที่ได้ครบตามเป้าหมายแล้ว หรือบางจังหวัดที่ ศบค. พิจารณาว่ายังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน 

จำนวนวัคซีนที่นำส่งให้แต่ละจังหวัดจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ที่นำมาคำนวณ คือ จำนวนประชากร จำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้จองในระบบ ทั้งหมอพร้อมและระบบของจังหวัด และกลุ่มเฉพาะ เช่นอาชีพเสี่ยง พื้นที่เศรษฐกิจ 

หากจำนวนวัคซีนที่ได้ คำนวณแล้วไม่เพียงพอต่อการฉีด ในระยะเวลา ในรอบนั้น ให้แต่ละจังหวัดและจุดฉีดพิจารณาจัดสรรให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มโรคเสี่ยงที่ลงทะเบียนไว้ก่อน

หากมีความจำเป็น ต้องชะลอการฉีดวัคซีนตามกำหนดเดิม ระหว่างรอการนำส่งวัคซีน ต้องยึดลำดับเดิมไว้ โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ และจัดการฉีดวัคซีนตามลำดับเดิมทันทีที่ได้รับการจัดสรรวัคซีน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ผมเชื่อว่าทุกฝ่ายมีความตั้งใจ ทุ่มเทในการแก้ปัญหา บริการประชาชนอย่างดีที่สุด แต่มันเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ยาก ทั้งการผลิตและตรวจสอบเพื่อให้วัคซีนมีคุณภาพ เราไม่รู้ว่าจะได้รับเวลาใด วันใด เพราะทั่วโลกก็ประสบปัญหานี้ แต่ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบ เพราะโรงงานผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าอยู่ในประเทศไทยทำให้การขนส่งเป็นไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงสามารถเป็นฐานการผลิตวัคซีนที่สำคัญในอาเซียนเพื่อส่งออกไปยังประเทศอื่นอีกด้วย  

นอกจากนี้ ยังต้องมีการปรับแผนการฉีดวัคซีนตามสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้น เช่นใน กทม. ฉีดวัคซีนเพื่อลดการแพร่ระบาด และอีกส่วนเพื่อเหตุผลทางเศรษฐกิจ ลดการเปิดโรงงาน เพราะจำเป็นต้องให้ภาคการผลิตมีการดำเนินการต่อ อาจจะไปกระทบกับผู้ที่ลงทะเบียนไว้ก่อนบางส่วน นอกจากนั้นอาจมีผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก มีผลกระทบต่อผู้ที่อยู่ในประเทศไทยทั้ง 70 ล้านคน อาจเกิดการประสานงานที่คลาดเคลื่อนระหว่างหน่วยงาน ตนได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานมีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว

“ผมในฐานะนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการ ศบค. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในสงครามโควิด-19 ครั้งนี้ ต้องขออภัยพี่น้องประชาชน ต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และขอเป็นผู้รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาทั้งหมด ซึ่งผมได้ทำอยู่ทุกวัน ตลอดเวลา เพราะนี่คือวาระแห่งชาติ ที่เราจะต้องร่วมใจกันทุกฝ่าย ในการดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จเพื่ออนาคตของประเทศชาติ ปัญหาอุปสรรคอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะมีเวลาจำกัด ทำให้กระทบต่อการจัดการแต่จากการวางแผนของรัฐบาลอย่างต่อเนื่องในการจัดหาวัคซีนล่วงหน้า ทำให้เรามั่นใจว่าจะได้รับวัคซีนมาอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องการแก้ปัญหาโควิด-19 นั้นผมในฐานะนายกรัฐมนตรีมีการติดตามใกล้ชิดตลอดมา ขอย้ำว่าการบริหารจะต้องไม่มีการทุจริตเป็นเด็ดขาด เราจะต้องชนะสงครามโควิด-19 ครั้งนี้ไปด้วยกันอย่างแน่นอนครับ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว