SHARE

คัดลอกแล้ว

อว. เผยไทยฉีดวัคซีนแล้ว 6,511,184 โดส  โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ จังหวัดภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 61.26%

วันที่ 15 มิ.ย. 2564 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 15 มิ.ย.ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 6,511,184 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 43.3% จากการจัดสรรวัคซีนแล้วทั้งหมด 7,082,361 โดส

จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 6,511,184 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 4,762,063 โดส (7.2% ของประชากร)
-เข็มสอง 1,749,121 โดส (2.6% ของประชากร)

วัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-15 มิ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 6,511,184 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 179,382 โดส/วัน ประกอบด้วย

วัคซีน AstraZeneca
– เข็มที่ 1 1,672,250 โดส
– เข็มที่ 2 37,444 โดส

วัคซีน Sinovac
– เข็มที่ 1 3,089,813 โดส
– เข็มที่ 2 1,711,677 โดส

ผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
– 91.01% ไม่มีผลข้างเคียง
– 8.99% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
– ปวดกล้ามเนื้อ 2.16%
– ปวดศีรษะ 1.60%
– ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 1.15%
– เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 1.05%
– ไข้ 0.70%
– คลื่นไส้ 0.48%
– ท้องเสีย 0.32%
– ผื่น 0.26%
– ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.20%
– อาเจียน 0.13%
– อื่น ๆ 0.93%

สำหรับแผนกระจายวัคซีน สรุปจากยอดการนำเข้าวัคซีน 100 ล้านโดส มีวัคซีน AstraZeneca 2.1 ล้านโดส และวัคซีน Sinovac 6 ล้านโดส

แผนกระจายวัคซีนในเดือนมิถุนายน 2564 จำนวน 6 ล้านโดส
งวดที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 7-22 มิ.ย. 64
จัดส่ง 3 ล้านโดส ประกอบด้วย
– วัคซีน AstraZeneca 2 ล้านโดส
– วัคซีน Sinovac 1 ล้านโดส

แบ่งเป็น
– กทม. 5 แสนโดส
– สำนักงานประกันสังคม 3 แสนโดส
– กปอ/อว. 1.5 แสนโดส
– หมอพร้อม 76 จังหวัด 1.1 ล้านโดส
– องค์กร ภาครัฐ 1 แสนโดส

งวดที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 21-2 ก.ค. 64
จัดส่ง 3.5 ล้านโดส ประกอบด้วย
– วัคซีน AstraZeneca 1.5 ล้านโดส
– วัคซีน Sinovac 2 ล้านโดส

จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 13.85% เข็มที่2 4.45% ประกอบด้วย
– กรุงเทพฯ เข็มที่1 18.62% เข็มที่2 5.13%
– นนทบุรี เข็มที่1 12.06% เข็มที่2 4.38%
– สมุทรปราการ เข็มที่1 7.95% เข็มที่2 2.29%
– ปทุมธานี เข็มที่1 6.27% เข็มที่2 1.88%
– สมุทรสาคร เข็มที่1 15% เข็มที่2 11.29%
– นครปฐม เข็มที่1 3.35% เข็มที่2 1.16%

จังหวัดอื่นๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 4.04% เข็มที่2 1.6%
– ภูเก็ต เข็มที่1 61.26% เข็มที่2 28.21%
– ระนอง เข็มที่1 14.5% เข็มที่2 6.36%
– สุราษฏร์ธานี เข็มที่1 8.83% เข็มที่2 3.33%
– เกาะสมุย เข็มที่1 45.93% เข็มที่2 21.01%
– เกาะพะงัน เข็มที่1 8.62% เข็มที่2 1.19%
– เกาะเต่า เข็มที่1 15.88% เข็มที่2 0.91%

ขณะที่ทั่วโลกแล้ว 2,398 ล้านโดส ใน 199 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 36.3 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณารายประเทศพบว่าอิสราเอลได้ฉีดวัคซีนครอบคลุมเกินครึ่งของประชากรแล้ว ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 311 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 145 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว

อาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 66.414 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (42.5% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 32.6 ล้านโดส

ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 892.77 ล้านโดส (31.9% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. สหรัฐอเมริกา จำนวน 310.65 ล้านโดส (48.5%)
3. สหภาพยุโรป จำนวน 301.85 ล้านโดส (34%)
4. อินเดีย จำนวน 258.71 ล้านโดส (9.5%)

ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (65.4% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm )
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (64.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. บาห์เรน (63.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. อิสราเอล (58.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
5. สหราชอาณาจักร (53.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
6. ชิลี (53.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
7. มองโกเลีย (50.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Sputnik V )
8. กาตาร์ (50.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech)
9. ฮังการี (48.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
10. สหรัฐอเมริกา (48.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Johnson&Johnson

แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า