ประเด็นคือ – บนดอยเย็นยะเยือก ชาวบ้านตื่นแต่เช้ามืดช่วยกันก่อไฟให้หญิงป่วยอยู่ลำพังได้คลายหนาว ขณะที่อุณภูมิเชียงใหม่ลดต่อเนื่อง ผ้าห่มและเครื่องกันหนาวไม่พอ วอนทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ขอรับบริจาค
วันที่ 26 พ.ย. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อุณหภูมิที่ลดฮวบที่ จ.เชียงใหม่ เริ่มส่งผลกระทบกับประชาชนที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูง ซึ่งต้องเจอกับอากาศที่หนาวเย็นและลมแรง ทำให้หลายชุมชนต้องอาศัยไออุ่นจากกองไฟที่ก่อขึ้นเพื่อคลายหนาว อย่างเช่นที่บ้านหลวง ต.เมืองคอง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ นางเกี๋ยงคำ อินตา อายุ 42 ปี ซึ่งป่วยหลายโรครุมเร้าและแขนขาอ่อนแรง ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเรียกเพื่อนบ้านมาช่วยก่อไฟให้ผิงคลายหนาว
เพื่อนบ้านนางเกี๋ยงคำ บอกว่า นางเกี๋ยงคำอาศัยอยู่เพียงลำพัง ต่อมาได้ล้มป่วย แขนขาไม่มีแรง จนทำให้เดินไปไหนมาไหนลำบาก เมื่ออากาศหนาวเย็นโดยเฉพาะช่วงเช้ามืด ชาวบ้านก็จะแวะเวียนเปลี่ยนกันมาดูแล ช่วงที่หนาวมากๆ ก็จะก่อไฟให้ผิงเพื่อคลายหนาว เพราะต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น ป้องกันการล้มป่วยลงอีก โดยช่วงนี้อุณหภูมิตอนกลางคืนและเช้ามืดอยู่ที 14 – 16 องศาเซลเซียส แม้จะยังไม่ถึงกับหนาวจัด แต่ลมที่พัดแรงก็ช่วยเพิ่มความหนาวเย็นให้มากขึ้น ส่วนสภาพบ้านที่ทรุดโทรมที่อาศัยอยู่ กลางคืนลมหนาวจะพัดเข้าไปยิ่งทำให้หนาวมากขึ้น ชาวบ้านเลยต้องหาผ้าห่มมาปิดไว้ เพื่อช่วยป้องกันลม
ถึงแม้ที่ผ่านมาหลายหน่วยงานจะเข้าไปช่วยเหลือแจกจ่ายผ้าห่มเครื่องกันหนาวให้กับชาวบ้านบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะผ้าห่มที่แจกไปนั้นบาง ถ้าเทียบกับอากาศหนาวเย็นบนดอยสูง ต้องใช้ผ้าห่ม ห่มหลายผืน จึงจะคลายหนาวได้
สำหรับสถานการณ์ภัยหนาวของ จ.เชียงใหม่ ในปี 2561 จากการสำรวจพบว่ามีผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากอากาศหนาวทั้งหมด 386,541 คน เป็นผู้สูงอายุ 142,710 คน เด็กยากไร้ 3,016 คน คนพิการทุพพลภาพ 25,893 คน ผู้มีรายได้น้อย 61,631 คน และผู้เดือดร้อนทั่วไป 153,291 คน หากรวมทั้ง 25 อำเภอทั้งจังหวัดต้องใช้เครื่องกันหนาวและผ้าห่ม 451,118 ชิ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยหนาว
แต่ขณะนี้ผ้าห่มและเครื่องกันหนาวยังไม่เพียงพอ ทำให้ทางจังหวัดต้องขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ขอรับบริจาค เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน