องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กองทุนสิ่งแวดล้อมโลก หรือ GEF และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย หรือ UNDP ร่วม สัมมนา “เมืองคาร์บอนต่ำ สุขอาศัยอย่างยั่งยืน” (Sustainable & Livable Low-carbon Cities) ในรูปแบบออนไลน์ เพื่อเสนอผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำผ่านระบบการจัดการเมืองอย่างยั่งยืน
โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, Mr. Renaud Meyer ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย, นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และนายเกียรติชาย ไมตรีวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหน่วยงานท้องถิ่นมากกว่า 40 คน ในการพัฒนาไปสู่เมืองคาร์บอนต่ำ จาก 8 หัวข้อ
นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ระบุเรื่องการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำไว้ในแผนต่างๆ ของประเทศ ซึ่งต้องการความร่วมมือจาก ข้าราชการ เอกชน และประชาชน ในการดำเนินงาน เพื่อให้เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศสามารถบรรลุผลสำเร็จ รวมถึงยกระดับขีดความสามารถของประเทศให้ปรับตัวต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสามารถพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน
โดยมีประเด็นที่น่าสนใจในงานเสวนา คือ “สร้างเมืองคาร์บอนต่ำไม่ยากอย่างที่คิด” เป็นนำเสนอผลการปฏิบัติด้านการพัฒนาเมืองและสังคมคาร์บอนต่ำ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเมืองนำร่องต้นแบบทั้ง 4 เมือง ได้แก่ เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลนครนครราชสีมา เทศบาลนครเชียงใหม่ เทศบาลนครเกาะสมุย และมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเอง รวมทั้งขยายวงการมีส่วนร่วมไปยังชุมชนด้วยกระบวนการเรียนรู้และการจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ
หัวข้อ “เศรษฐกิจหมุนเวียนในท้องถิ่น เพื่อลดโลกร้อนอย่างยั่งยืน” เป็นการนำเสนอแนวทางขับเคลื่อนและการนำแนวคิดเศรฐกิจหมุนเวียนไปประยุกต์ใช้ ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ท้องถิ่นควรดำเนินการ เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดงบประมาณ และเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการแล้ว ยังช่วยโลกประหยัดทรัพยากร ลดขยะ และลดโลกร้อน ช่วยเพิ่มความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อมและกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
หัวข้อ “คาร์บอนเครดิต พิชิตโลกร้อน” โดยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการจัดทำโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเกิดผลประโยชน์ร่วม (Co-benefit) ของการลดก๊าซเรือนกระจก เช่น ช่วยลดมลพิษ เพิ่มความร่มรื่น และพื้นที่สีเขียวลดการใช้พลังงานและค่าไฟฟ้า สนับสนุนเศรษฐกิจในชุมชนและอื่นๆ รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาอาชีพใหม่ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และยังต่อยอดการสร้างมูลค่าเพิ่มจากคาร์บอนเครดิตของโครงการ T-VER ในประเทศ ผ่านตลาดซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตซึ่งเป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้กับชุมชน