กทม.ออกประกาศ ปิดสถานที่ชั่วคราว เพื่อควบคุมสถานการณ์โควิด-19 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. 2564 เป็นต้นไป
วันที่ 10 ก.ค. 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ประชุมพิจารณาเห็นชอบประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 36) และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. 2564 เป็นต้นไป โดยจำเป็นต้องยกระดับความเข้มข้น บังคับใช้อย่างจริงจัง เพื่อแก้ไขและบรรเทาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนี้
– การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้เปิดดำเนินการได้จนถึงเวลา 20.00 น. และห้ามการบริโภคในร้าน
– ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ให้เปิดดำเนินการได้จนถึงเวลา 20.00 น. และเปิดให้บริการเฉพาะการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ยาและเวชภัณฑ์ ซูเปอร์มาร์เก็ต เครื่องมือช่างและอุปกรณ์การก่อสร้าง ธนาคาร สถาบันการเงิน หรือธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ไปรษณีย์และพัสดุภัณฑ์ การให้บริการซ่อมแซมหรือบำรุงรักษา การให้บริการฉีดวัคซีนหรือบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขอื่น ๆ และส่วนที่เป็นที่ทำการของรัฐหรือเอกชน
– ร้านสะดวกซื้อ ตลาดนัด ตลาดโต้รุ่ง ถนนคนเดิน ให้เปิดดำเนินการได้จนถึงเวลา 20.00 น. สำหรับร้านสะดวกซื้อซึ่งเปิดให้บริการในช่วงเวลากลางคืน ให้ปิดบริการในระหว่างเวลา 20.00 น. ถึงเวลา 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น
– สวนสาธารณะ ลานกีฬา สนามกีฬาหรือสถานที่ออกกำลังกายที่เป็นพื้นที่โล่งแจ้ง ให้เปิดได้จนถึงเวลา 20.00 น.
– สถานประกอบการนวดแผนไทย (รวมทั้งบริการนวดฝ่าเท้า) สปา สถานเสริมความงามและสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ให้ปิดดำเนินการ
– ร้านเสริมสวย แต่งผมหรือตัดผม ให้ยังคงเปิดดำเนินการได้ตามเงื่อนไขก่อนหน้านี้ และให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด
– ห้ามการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คนขึ้นไป หากประสงค์จะจัดกิจกรรมในช่วงระยะเวลานี้ ให้ดำเนินการขออนุญาตต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบและทบทวนมาตรการป้องกันโรคในการจัดกิจกรรมให้เหมาะสม
– โรงเรียน สถาบันการศึกษาหรือฝึกอบรม และสถานศึกษาต่างๆ ยังคงให้ปิดดำเนินการ
หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ