ไทยโควิดพุ่ง 13,002 ราย ฉีดวัคซีนสะสม 14.8 แสนล้านโดส ล่าสุด ศบค.สั่งปิดเพิ่ม 10 ที่เสี่ยง

วันที่ 21 ก.ค. 2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวันพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13,002 ราย ติดเชื้อในประเทศ 11,922 ราย เกิดจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 9,012 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 2,910 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ 1,049 ราย และอีก 31 ราย เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมผู้ป่วยสะสม 439,477 ราย หายป่วยเพิ่ม 8,248 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล 131,411 ราย โดยในจำนวนนี้มีอาการหนัก 3,786 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 879 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 108 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 3,516 ราย

พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์

ยอดผู้เสียชีวิต 108 รายวันนี้มีอายุระหว่าง 25-96 ปี จำแนกเป็น จาก กทม. 40 ราย สมุทรสาคร 13 ราย นครปฐม 4 ราย ปทุมธานี 4 ราย สมุทรปราการ 3 ราย สงขลา 7 ราย ยะลา 6 ราย ปราจีนบุรี 4 ราย นครนายก 3 ราย เพชรบุรี กาญจนบุรี ชลบุรี นราธิวาส ปัตตานี และอยุธยา จังหวัดละ 2 ราย ขอนแก่น อุบลราชธานี นนทบุรี สระแก้ว กำแพงเพชร นครสวรรค์ ชัยนาท พิษณุโลก สุโขทัน และนครศรีธรรมราช จังหวัดละ 1 ราย

สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค คือ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคอ้วน โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง โรคปอด ติดเตียง และไม่มีโรคประจำตัว 14 ราย ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ มาจากในครอบครัว คนอื่นๆ ได้แก่ เพื่อนร่วมงาน พนักงาน ผู้ป่วยที่โรงพยาบาล ผู้ดูแล อาศัยหรือเดินทางเข้าไปในพื้นที่ระบาด เข้าไปในสถานที่แออัดพลุกพล่าน และมีอาชีพเสี่ยง

ส่วนการกระจายวัคซีนในประเทศ ข้อมูล ณ วันที่ 20 ก.ค.2564 พบผู้ที่ได้รับผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เพิ่มเติม จำนวน 225,061 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 32,815 ราย รวมสะสมผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 14,805,120 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 11,292,579 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 3,512,541 ราย

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ในส่วนของต่างจังหวัดพบ4 คลัสเตอร์ใหม่ติดเชื้อรวม 168 รายกระจาย 3 จังหวัด คือ จ.สมุทรสาคร คลัสเตอร์ใหม่ในโรงงานห้องเย็นติดเชื้อ 24 ราย, จ.สมุทรปราการ พบคลัสเตอร์ใหม่โรงงานอาหารสัตว์เลี้ยง อ.บางเสาธง ติดเชื้อ 40 ราย และจ.ระยอง คลัสเตอร์ใหม่ในบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า อ.ปลวกแดง ติดเชื้อ 92 ราย และพบคลัสเตอร์ใหม่ในตลาดสิริภิบาลพัฒนา อ.แกลง ติดเชื้อ 12 ราย

ขณะที่สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา กทม.จัดทีมลงพื้นที่ 139 ชุมชน ตรวจหาเชื้อ 383 ราย พบผลติดเขื้อ 37 ราย ส่งเข้าสู่ระบบการรักษาเรียบร้อยแล้ว และได้ฉีดวัคซีนเพิ่ม 4,070 ราย แบ่งเป็น ผู้สูงอายุ 2,420 ราย ผู้มีโรคประจำตัว 1,640 ราย และหญิงตั้งครรภ์ 10 ราย

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับมาตรการควบคุมตามประกาศฉบับใหม่ มีประเภทกิจการที่ถูกสั่งปิดแล้ว 23 รายการ และวันนี้ที่ประชุม ศบค. มีการพิจารณาปิดสถานที่-กิจการในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด เพิ่มอีก 10 รายการ ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 พร้อมขอเน้นย้ำ มาตรการควบคุมตามประกาศฉบับใหม่ ของพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว โดยไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกพื้นที่สีแดงเข้ม ลดการบริการขนส่งสาธารณะ

สำหรับสถานที่ประกาศปิดเพิ่มอีก 10 รายการ คือ
1.สนามกีฬาทุกประเภท
2.สระว่ายน้ำ
3.ลานกีฬา
4.ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม
5.ศูนย์การเรียนรู้ต่างๆ
6.ห้องสมุดสาธารณะ
7.พิพิธภัณฑ์ แหล่งประวัติศาสตร์ หรือโบราณสถาน
8.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และเด็กก่อนวัยเรียน
9.ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม ร้านสักทั้งในห้าง นอกห้าง
10.สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ต่างๆ

สถานที่ยังเปิดให้บริการได้ภายใต้เงื่อนไขการควบคุมโรค คือ
1.สถานรับเลี้ยงเด็ก ในโรงพยาบาล และมีการรับตัวไว้พักค้างคืน
2.สถานดูแลผู้สูงอายุ ที่ค้างคืนหรืออยู่ประจำ
3.ตลาดนัด ในส่วนของที่ขายอาหาร วัตถุดิบเพื่อการบริโภค ซึ่งในส่วนของตลาดสด ตลาดนัด

ในส่วนของตลาดสด ตลาดนัด แม้มีความเป็นห่วง แต่มีความจำเป็น ขอให้ทางจังหวัดเฝ้าระวัง ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถพิจารณาสั่งปิดสถานที่หากพบความเสี่ยงได้ พร้อมขอเน้นย้ำให้ประชาชนช่วยรักษามาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันโรคด้วย