สธ. ยืนยัน ไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ให้บุคลากรด่านหน้ามากกว่า 5 แสนโดส และจัดสรรให้กลุ่มเสี่ยงไม่มีวีไอพี

สธ. ยืนยัน วัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ให้บุคลากรด่านหน้าได้ฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 มากกว่า 5 แสนโดส ที่เหลือจัดสรรให้คนกลุ่มเสี่ยง ไม่มีวีไอพี

วันที่ 25 ก.ค. 2564 นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุขกระทรวงสาธารณสุข แถลง สถานการณ์โรคโควิด-19 โดยกล่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดสที่จะเข้ามาในเดือน ก.ค. นี้ จากกระแสข่าวที่ระบุว่าบุคลากรด่านหน้าได้ฉีดวัคซีน 200,000 โดส แล้วที่เหลือหายไปไหน โดยระบุ ยืนยันว่า เป็นข่าวปลอมและความจริงคือวัคซีนไฟเซอร์จะถูกนำมาใช้ฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ในกับบุคลากรทางการแพทย์ไม่น้อยกว่า 5 แสนโดสแน่นอน และจะเริ่มฉีดก่อนเป็นกลุ่มแรกในเดือน ส.ค. ส่วนวัคซีนที่เหลือจะกระจายไปยังประชาชนกลุ่มเสี่ยง และ พื้นที่เสี่ยง โดยจะมีคณะทำงานจากทุกภาคส่วนร่วมพิจารณาดำเนินการจัดสรรวัคซีนล็อตนี้

นพ.รุ่งเรือง ระบุว่าก่อนหน้านี้มีบุคลากรที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ได้ฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 เป็นแอสตร้าเซนเนก้าไปแล้วส่วนหนึ่ง มีข้อมูลระดับภูมิคุ้มกันจากการฉีด ซิโนแวค 2 เข็ม + แอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็ม กลุ่นี้พบว่าอยู่ในระดับที่สูงมากกว่า ซิโนแวค + แอสตร้าเซนเนก้า, แอสตร้าเซนเนก้า +แอสตร้าเซนเนก้า, ไฟเซอร์ + ไฟเซอร์, ซิโนแวค + ซิโนแวค และ การติดเชื้อตามธรรมชาติ พร้อมยืนยันว่าไม่มีการบังคับฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 เป็นแอสตร้าเซนเนก้าในบุคลากรทางการแพทย์ ที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม

กระแสข่าวที่ว่าวัคซีนไฟเซอร์จะฉีดให้กลุ่มวีไอพี ไม่เป็นความจริง เพราะจะเรียงตามลำดับโดยเริ่มให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ไม่มีการให้กลุ่มอื่น วีไอพี ที่ไม่ได้อยู่ในลำดับเด็ดขาด

“ส่วนไฟเซอร์อีก 20 ล้านโดส จะเข้ามาเดือน ต.ค. – ธ.ค. ปีนี้  ยืนยันว่า การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ทั้งหมดเป็นการให้ฉีดฟรี ไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากประชาชน แต่จะเน้นให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง การเรียกรับเงิน การให้ข่าวปลอม นอกจากจะสร้างความปั่นป่วนในวิกฤต กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด หากพบให้แจ้งข้อมูลเข้ามาได้เลย” นพ.รุ่งเรือง กล่าว

ด้าน นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติม กรณีที่มีการตั้งคำถามว่า ไทยเราจะวิกฤตหนักขึ้น ถึงขั้นต้องใช้โมเดลปิดเมืองแบบอู่ฮั่นหรือไม่นั้น มาตรการตอนนี้คือ เราให้งดออกจากบ้านกรณีที่ไม่มีความจำเป็น ก็แทบจะใกล้เคียงกับอู่ฮั่นอยู่แล้ว สถานการณ์ตอนนี้คงจะยังพบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และเพิ่มขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งมาจากผู้ที่เดินทางกลับจาก กทม. คาดว่าสถานการณ์ตัวเลขใน กทม. ตอนนี้คงตัว และอีกประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ กทม. อาจจะดีขึ้น แต่ ตจว.อาจจะเพิ่ม ย้ำให้ช่วยกันเพื่อไม่ต้องไปถึงระดับเดียวกันกับอู่ฮั่น ด้วยการลดการเดินทางที่ไม่จำเป็น