SHARE

คัดลอกแล้ว

ทนายความยื่นขอเลื่อนรายงานตัวต่ออัยการ คดีชาวบางกลอย 27 คนถูกตั้งข้อหารุกป่าหลังพยายามกลับไปอาศัยที่บริเวณใจแผ่นดิน และขอเลื่อนการนัดส่งฟ้องต่อศาล โดยให้เหตุผลด้านทรัพยากร-เศรษฐกิจ

วานนี้ (17 ส.ค. 2564) ทนายความจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดและอัยการจังหวัดเพชรบุรี เพื่อขอเลื่อนนัดการส่งฟ้องคดีต่อศาล กรณีชาวบ้านบางกลอย 27 คน ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจับกุม ฐานบุกรุกล้ำพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ดั้งเดิมของบรรพบุรุษ

โดยใจความสำคัญของหนังสือฉบับนี้ ได้บอกถึงเหตุและผลของการขอเลื่อนสั่งฟ้อง ซึ่งประกอบไปด้วยเหตุผลทั้งหมด 8 ข้อ ได้แก่

1. ผู้ต้องหาทั้ง 27 คน พักอาศัยอยู่ที่ชุมชนบ้านบางกลอยล่าง-โป่งลึก ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งเฉพาะระยะทางจากตัวจังหวัดไปยังสำนักงานอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีระยะทาง 66 กิโลเมตร จากตัวสำนักงานอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานไปจนถึงหมู่บ้านบางกลอยล่างนั้น จะมีระยะทางที่เป็นถนนลาดยางเพียง 10 กิโลเมตร ต่อจากนั้นเป็นถนนลูกรังทางแคบขึ้นลงภูเขา โดยใช้ระยะเวลาในการเดินทางเฉพาะจากสำนักงานอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานไปยังบ้านบางกลอย โดยรถยนต์กระบะใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง เกือบ 3 ชั่วโมง ซึ่งมีระยะทางไกลและยากลำบากในการเดินทางอย่างยิ่ง หากต้องเดินทางมาศาลจังหวัดเพชรบุรี จะต้องใช้เวลาเดินทางไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมงครึ่ง ถึง 5 ชั่วโมง

2. หากต้องเดินทางมาเพื่อรับทราบการสั่งฟ้องและส่งฟ้อง ด้วยระยะทางและการเดินทางดังกล่าว ผู้ต้องหาจะต้องเดินทางโดยการต้องเดินทางล่วงหน้ามา 1 วัน เพื่อมาพักรอเพื่อไปสำนักงานอัยการในวันรุ่งขึ้น และต้องกลับหลังจากวันนัดอีก 1 วัน เพราะไม่สามารถเดินทางกลับเข้าหมู่บ้านได้ทันเวลา เนื่องจากต้องใช้เวลาในการเดินทางดังกล่าว ไปและกลับรวมแล้วกว่า 10 ชั่วโมง

3. ปัจจุบันเป็นช่วงฤดูฝน เมื่อฝนตกหนักชุกแล้วจะทำให้น้ำเอ่อท่วมถนนดินลูกรัง เนื่องจากจะมีสายน้ำพาดผ่านทาง ทำให้รถยนต์กระบะไม่สามารถเดินทางข้ามได้ และไม่อาจคาดการได้ว่า หากเดินทางออกมาแล้ว จะกลับเข้าไปได้โดยไม่ต้องเผชิญน้ำท่วม หรือหากออกมาจะไม่เผชิญกับปัญหาน้ำท่วมทางได้

4. นอกจากนี้ เนื่องจากบางครอบครัวผู้ต้องหาบางคนถูกดำเนินคดีทั้งสามีและภริยาต้องพาบุตรที่เป็นทารกมาด้วย การถูกดำเนินคดีทั้งครอบครัวทำให้มีผู้ติดตาม และยังต้องมีการหาล่ามแปลภาษาออกมาด้วย จึงเป็นเหตุให้ในการเดินทางออกมาแต่ละครั้งมีจำนวนคนมากกว่า 30 คน โดยที่ทุกคนยังไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนแต่อย่างใด โดยต้องนั่งอยู่บนหลังรถกระบะ 3 ดัน ที่ไม่มีหลังคา และนั่งแออัดกัน จากบ้านบางกลอยล่างถึงอำเภอแก่งกระจานใช้เวลาเดินทางมากกว่า 3 ชั่วโมงเศษ แวะพักและเดินทางมายังอำเภอเมืองเพชรบุรีในการรายงานตัวต่อศาล หรืออัยการ รวมระยะเวลาเดินทาง 4 ชั่วโมงเศษ จึงต้องใช้เวลาในการเดินทางมาก่อนล่วงหน้า 1 วัน ติดต่อทางราชการ 1 วัน และเดินทางกลับอีก 1 วันรวมเป็น 3 วัน 2 คืน นอกจากนี้ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 30 และคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี โดยห้ามบุดคลใดในเขตพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีออกนอกเคหสถานในระหว่างเวลา 21.00 – 04.00 น. ตามเอกสารที่ส่งมาด้วย

5. ผู้ต้องหาทุกคนมีฐานะยากจนจึงไม่มีเงินที่จะไปพักโรงแรมได้ โดยที่ผ่านมาได้ติดต่อไปยังวัดพลับพลาชัยที่พักอาศัยในครั้งที่แล้ว แต่ในครั้งนี้ทางวัดปฏิเสธ เนื่องจากผู้ต้องหาและผู้ติดตามมากันเป็นกลุ่มใหญ่ และมีจำนวนมาก และติดต่อไปยังหลายที่แล้วทุกที่ล้วนปฏิเสธในการเข้าพัก ซึ่งปัจจุบันจังหวัดเพชรบุรีมีมาตรการเคร่งครัดในการห้ามไม่ให้คนรวมตัวรวมกลุ่มกัน อันเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 ที่มีอย่างต่อเนื่องและร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะขยายเป็นวงกว้างออกไปและมีอัตราเสี่ยงของโรคและความร้ายแรงของโรคมากยิ่งกว่ารอบก่อน โดยปัจจุบันมีการติดเชื้อมากกว่า 20,000 รายต่อวัน ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการแพร่เชื้อของโรค คือ การรวมกลุ่ม และการเดินทางของบุคคลจากพื้นที่เสี่ยงไปยังพื้นที่อื่นๆ โดยการนัดส่งฟ้องดังกล่าวเป็นกิจกรรมที่เสี่ยงที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า-2019 (โควิด-19) ได้ง่าย โดยประกาศจังหวัดเพชรบุรียังได้กำหนดมาตรการเคร่งครัดเนื่องจากเป็นจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดแบละเข้มงวดหรือสีแดงเข้ม ทำให้ไม่มีสถานที่ได้จะรองรับการเข้าพักของผู้ต้องหาทั้งหมดและผู้ติดตามได้ ปรากฏตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า-2019 (ตบด.) ตามพรก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 30 และคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี โดยกำหนดห้ามจัดกิจกรรมไม่เกิน 5 คน และอื่นๆ ที่ทำให้ผู้ต้องหาไม่สามารถเดินทางและเข้าพักที่ใดๆ ได้ในระหว่างนี้ ตามเอกสารที่ส่งมาด้วย

6. อีกทั้ง ผู้รับมอบอำนาจทั้งสามซึ่งเป็นทนายความของผู้ต้องหาทั้ง 27 คน มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดแบละเข้มงวดหรือสีแดงเข้ม มีสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างหนักที่สุด มีข้อจำกัดตามคำสั่งของคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า-2019 (ศบค.) ที่กำหนดให้กรุงเทพมหานครเป็นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในมาตรการบังคับและควบคุมโรคโควิด-19 โดยในคำสั่งดังกล่าว ได้มีการห้ามเดินทางออกนอกเขตพื้นที่ดังกล่าว

7. ปัจจุบัน คดีนี้ยังมีระยะเวลาพอสมควรที่ยังไม่ถึงระยะเวลาสิ้นสุดแห่งอายุความในการส่งฟ้องคดีต่อตาล การที่พนักงานอัยการจะไม่ส่งฟ้องในนัดนี้ยังไม่มีความเสียหายต่อคดีแต่อย่างใด

8. นอกจากนี้ รัฐบาลได้มีคำสั่งแต่งครั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหากรณีชาวบ้านบางกลอย ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหา ซึ่งน่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาในทางนโยบายที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดีนี้เช่นเดียวกัน

คดีบางกลอย เกิดจากจุดเริ่มต้นในวันที่ 5 มีนาคม 2564 เจ้าหน้าที่สนธิกำลังนำตัวชาวบางกลอยที่เดินทางขึ้นใจแผ่นดินลงมาจากบริเวณดังกล่าวด้วยเฮลิคอปเตอร์ ในจำนวนนั้น 22 รายถูกตั้งข้อหา มีรายงานว่าผู้ถูกตั้งข้อหาไม่ได้รับสิทธิในการเข้าถึงทนายที่ไว้ใจในชั้นสอบสวน ก่อนถูกควบคุมตัวไปเรือนจำ โกนผมและฝากขังเป็นเวลา 3 วัน ก่อนถูกปล่อยตัวเหตุตำรวจและอัยการส่งฟ้องไม่ทัน

นอกจากคดีนี้ พื้นที่บางกลอยยังเป็นพื้นที่มีความขัดแย้งระหว่างรับและชาติพันธุ์มานานหลายสิบปี องค์กรสิทธิมนุษยชนตั้งข้อสังเกตว่าหลังอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้เป็นมรดกโลกแล้วเมื่อปลายมิถุนายน 2564 สถานการณ์สิทธิชาติพันธุ์จะยิ่งทวีความรุนแรง

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า