SHARE

คัดลอกแล้ว

นพ.ประสิทธิ์ เผยโควิดไทยสัญญาณดี ติดเชื้อคงที่ คาดกลาง ก.ย.คลายล็อกประเทศ นั่งกินในร้านได้ หากฉีดวัคซีนได้ 50%

วันที่ 23 ส.ค. 2564 ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่าสถานการณ์โควิด-19 ของไทยในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเห็นตัวเลขขณะนี้อาจดูเหมือนยังไม่ลดลง เพราะผู้ติดเชื้อใหม่ยังแกว่งอยู่ที่ 1.9 – 2 หมื่นรายต่อวัน แต่ที่เห็นชัด คืออัตราการติดเชื้อลดลง ตัวเลขที่จะวิ่งขึ้นมากๆ ไม่เกิดขึ้นมาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นเป็น 300 รายต่อวัน เมื่อสอบถามข้อมูลก็พบว่าเป็นตัวเลขที่รายงานเข้าระบบช้า แต่ตอนนี้เข้าใจว่ามีการเคลียร์ตัวเลขแล้ว ดังนั้นตอนนี้ผู้เสียชีวิตรายใหม่น่าจะอยู่ที่ 200 กว่าราย ทั้งนี้ตัวเลขเหล่านี้หากดูวันต่อวันอาจไม่ชัด ต้องดูตัวเลข 7 วัน แล้วเฉลี่ยกันเราจะเห็นว่าเส้นความชันเริ่มน้อยลงกว่าเดิมเยอะ ใกล้เข้าสู่ระนาบเส้นตรง และเมื่อถึงจุดหนึ่งกราฟก็จะเริ่มกดหัวลงเป็นขาลง

ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้กราฟลดลงเกิดจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ 

1.การฉีดวัคซีนป้องกัน อย่างเช่นหลายประเทศที่ฉีดมากกว่าร้อยละ 25 ของจำนวนประชากรจะเริ่มสู่ระยะที่ใกล้จะถึงพีค เมื่อฉีดใกล้ถึงร้อยละ 40 – 50 ก็จะเริ่มเห็นตัวเลขปรับลง ซึ่งขณะนี้ไทยฉีดวัคซีนแล้วประมาณ ร้อยละ 28 ของจำนวนประชากร ถือว่าทำได้ดี บางวันฉีดสูงถึง 6 แสนโดส

ดังนั้นเดือนๆ หนึ่ง เราน่าจะถึงเป้าหมายที่คุยกันไว้ที่ 15 -1 8 ล้านโดส จังหวะตอนนี้เริ่มประกบเข้ามาทั้งเรื่องวัคซีน เท่าที่พยายามสอบถามก็ได้ข้อมูลว่ามีโอกาสค่อนข้างแน่นอนว่าเดือนหนึ่งจะมีวัคซีนเข้ามา 10 กว่าล้านโดส โดยจะมีวัคซีนไฟเซอร์เข้ามาเติมเต็มอีกในช่วงก่อนเดือน ก.ย. 2564 ซึ่งเร็วกกว่ากำหนดที่ระบุว่าในเดือน ต.ค. ก็หวังว่าเป้าหมายที่จะฉีดวัคซีนให้ถึง 15 ล้านโดส หากเกิดขึ้นได้จริงก็จะเป็นปัจจัยเชิงบวกที่ทำให้กราฟกดหัวลงเร็วขึ้น แต่ต้องควบคู่กับระบบบริหารจัดการ รวมถึงประชาชนต้องเข้ามารับวัคซีน ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนสูตร SA ด้วยเข็มที่ 1 ซิโนแวค เข็มที่ 2 แอสตร้าเซนเนก้า ห่างกัน 3 สัปดาห์ ให้ประสิทธิผลทางทฤษฎีในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันระดับบี เซลล์ (B Cell) และที เซลล์ (T Cell) ได้สูงและมีประสิทธิผลในห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ยืนยัน 

2.มาตรการสังคม การปกครอง 

3.มาตรการบุคคล ก็เป็นส่วนสำคัญในการลดอัตราการแพร่ระบาดของเชื้อ

ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าวัคซีนพอ ระบบดี และคนไปฉีดวัคซีนก็เชื่อว่าหากตัวเลขเป็นไปตามเป้าหมายนี้จริงๆ มีโอกาสที่จะเริ่มเข้าสู่ขาลงใกล้ๆ นี้ แต่ยังไม่อยากบอกให้เร็วว่าปลายเดือน ส.ค. แต่เชื่อว่าภายในเดือน ก.ย.นี้ จะเห็นตัวเลขการเสียชีวิตลดลงก่อน 

ตอนนี้ เราเริ่มเห็นแนวทางจากข้อมูลสะสมรายสัปดาห์เริ่มเห็นขาที่นิ่ง คงที่ และน่าจะเริ่มมีตัวเลขลงแล้ว แต่อัตราการติดเชื้อใหม่จะเห็นช้าไปอีก 2 – 3 สัปดาห์ หากไม่มีการระบาดคลัสเตอร์ใหญ่ๆ ขึ้นมา ส่วนตัวเชื่อว่าภายในกลางเดือน ก.ย. นี้ เราน่าจะเห็นตัวเลขขาลง

ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวถึงหลักการผ่อนคลายมาตรการ ว่าต้องดูจากข้อมูลจริง และอัตราคนที่ได้รับการฉีดวัคซีน ส่วนรูปแบบการผ่อนคลายนั้นทุกประเทศคล้ายกันคือ ไม่ล็อกดาวน์ (Lockdown) ทั้งประเทศอีกแล้วแต่จะล็อกตามเป้าหมาย (Target Lockdown) จังหวัดไหนทำได้ดีก็จะผ่อนคลาย แต่มีมาตรการติดตามใกล้ชิด กิจกรรมที่สามารถควบคุมได้ สถานประกอบการ ผู้เข้าใช้บริการต่างร่วมมือ และมีการฉีดวัคซีน

อย่างไรก็ดี ปลายเดือน ส.ค. นี้ หากจะเกิดการผ่อนคลายขึ้นในประเทศไทย ก็น่าจะมีการเสนอมาตรการนี้เข้า ศบค. ให้พิจารณา ซึ่งในอีก 2 – 3 วันนี้ต้องหารือกันเลย โดยจะมีเวลาอีก 1 สัปดาห์ เพื่อดูตัวเลข หากส่งสัญญาณดีขึ้นก็อาจมีการพิจารณา แต่ต้องตกลงเงื่อนไขกับผู้ให้บริการ หากทุกคนร่วมกัน มีโอกาสเริ่มผ่อนคลาย ซึ่งหากวกมาอีกก็ต้องมีการควบคุม สำหรับไทยอาจจะใช้เป็น เช่น การแสดงหลักฐานฉีดวัคซีนในมือถือ หรือเป็นการให้สถานประกอบการบริการจุดตรวจโควิด-19 ชนิด แอนติเจน เทสต์ คิท (ATK) ที่มีความไวและความจำเพาะดีๆ ไว้ให้ลูกค้า เพื่อตรวจก่อนเข้าใช้บริการ ก็จะเป็นมาตรการหนึ่งที่ดี

ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวที่ติดตามดูการดำเนินการของประเทศต่างๆ เห็นว่าจุดคลายล็อกที่น่าจะปลอดภัยคือ การฉีดวัคซีนที่ร้อยละ 50 ของจำนวนประชากร ซึ่งในขณะนี้ไทยฉีดแล้ว 26 ล้านโดส แต่หากฉีดได้ตามเป้าหมายเดือนละ 15 ล้านโดส หรือเฉลี่ยวันละ 5 แสนโดส เมื่อรวมกันก็จะได้ประมาณ 40 ล้านโดส นั่นคือภายในกลางเดือน ก.ย. นี้ ควรจะได้ฉีดได้ 40 กว่าล้านโดส เพื่อให้เข้าใกล้ตัวเลข ร้อยละ 50 ของจำนวนประชากรคนไทย 70 กว่าล้านคน ก็ควรจะได้วัคซีน 35 ล้านคน

เราน่าจะเซฟพอที่จะคลายล็อก ทั้งนี้ปลายเดือน ส.ค. ตัวเลขอาจจะยังไม่ดี แต่อีก 14 วัน ให้หลังน่าจะคลายล็อกได้ค่อนข้างปลอดภัย แต่ต้องเลือกพื้นที่และกิจกรรมให้เหมาะสม มีการติดตามอย่างเข้มงวด ส่วนตัวลึกๆ หากไม่มีคลัสเตอร์ใหม่ ดูจากตัวเลขเวลานี้แล้วก็ดูจากเคสหนักๆ ผมคิดว่าหากยังไม่ถึงจุดสูงสุดของยอดติดเชื้อ ก็น่าจะใกล้ถึงเต็มที่แล้ว แล้วอีกไม่นานก็จะถึงจุดที่วกลง ทั้งอัตราการเสียชีวิตและการติดเชื้อ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า